สวัสดีจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษครับ กับงานใหญ่ที่สุดที่แฟนๆ มินิทั่วโลกเฝ้ารอคอย ในการเปิดตัวรถ MINI Hatchback ในเจเนอเรชั่นที่สาม หรือรหัส F56 ซึ่งงานนี้ MINI ได้ให้ชื่องานว่า The new MINI. The new original. เปิดตัว ณ โรงงาน MINI Plant Oxford ในวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 107 ปี ของ Sir Alec Issigonis ผู้ให้กำเนิดรถมินิอีกด้วย
งานนี้ MINI-TH ของเราได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน World Premiere ของรถยนต์ New MINI ที่โรงงาน Oxford ซึ่งการเปิดตัว New MINI ครั้งนี้ ทาง MINI ได้จัดงานหลายเมืองทั่วโลก เริ่มจากที่โรงงาน Oxford ก่อนเป็นแห่งแรก และมีงานสำหรับสื่อมวลชนเอเชียที่นครเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน, เผยโฉมที่งาน Tokyo Motor Show ในวันที่ 23 พ.ย., รวมถึงเผยโฉมกับสื่อมวลชนอเมริกันที่งาน LA Auto Show ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ด้วย ซึ่งความพิเศษนี้ ทำให้เราได้สัมผัสรถยนต์ New MINI กันก่อนใครเลย
Exterior
New MINI เผยโฉมมาด้วยรูปลักษณ์ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นมินิมาตั้งแต่ยุคดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน MINI ยุคใหม่ที่ถูกตั้งมาตรฐานไว้ในปี 2001 นับเป็นเจเนอเรชั่นแรก และถูกปรับโฉมหนึ่งครั้งในปี 2006 เป็นเจเนอเรชั่นที่สอง จนมาถึงวันนี้ มีการปรับโฉมอีกครั้งใน New MINI F56 เจเนอเรชั่นที่สาม แต่ยังตอกย้ำคอนเซปต์ The New Original อยู่เหมือนเดิม
มิติของตัวรถ New MINI มีความยาวอยู่ที่ 3,821 มิลลิเมตรสำหรับ MINI Cooper และ 3,850 มิลลิเมตรสำหรับ MINI Cooper S มีความกว้าง 1,727 มิลลิเมตร และความสูง 1,414 มิลลิเมตร ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว มีความยาวที่มากกว่า MINI เจเนอเรชั่นที่สองอยู่ประมาณ 98 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 44 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 7 มิลลิเมตร มีฐานล้อยาวขึ้นกว่าเดิม 28 มิลลิเมตร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า New MINI ในรหัส F56 นี้ ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด หรือถ้าจะเรียกว่าบวมขึ้นกว่าเดิมอีกก็คงไม่ผิดนัก
เอกลักษณ์ในการออกแบบรถ MINI ยังคงมีให้เห็นอยู่ในทุกส่วนของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม, ไฟหน้าทรงกลม, ครีบด้านข้างตัวรถ (side scuttle), หรือแถบสีดำบริเวณขอบล่างของตัวรถ ยังคงมีอยู่ในเห็นอย่างชัดเจน มีการเพิ่มความโดดเด่นใน MINI เจเนอเรชั่นนี้ด้วยไฟหน้าแบบ LED ที่ทำหน้าที่เป็น Daytime Running Lights ในตัว ในลักษณะของวงแหวนรอบไฟหน้ารถ มีการเพิ่มสีใหม่ให้กับตัวถังอีก 5 สี และเป็นครั้งแรกที่ MINI Hatch มีออพชั่นของรางบนหลังคา
Interior
มิติที่ใหญ่ขึ้นของตัวรถ ทำให้ภายในของรถ MINI มีพื้นที่สำหรับห้องโดยสารที่มากขึ้น ทั้งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง พื้นที่ซ้ายขวาสำหรับการวางแขน พื้นที่วางเท้า และพื้นที่เก็บสัมภาระ มีการออกแบบระบบการวางที่นั่งใหม่ โดยเก้าอี้แถวหลังสามารถปรับเอนได้สองระดับ พื้นที่ฝากระโปรงหลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมประมาณ 30% เป็น 211 ลิตร และมีการเพิ่มช่องวางของสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง และวัสดุภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มตัวเลือกให้มากขึ้น ในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน
หน้าจอวงกลมกึ่งกลางตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์ของรถมินิ ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น โดยไม่ทำคอนโซลกลางเป็นมาตรวัดความเร็วแล้ว แต่เปลี่ยนคอนโซลกลางเป็นระบบ Infotainment เต็มตัว มีออพชั่นหน้าจอให้เลือกสามแบบ คือแบบหน้าจอสี่บรรทัดทั่วไป, หน้าจอ MINI Connected ขนาด 6.5 นิ้ว, หรือหน้าจอ MINI Connected XL ขนาด 8.8 นิ้ว มีการเพิ่มคอนโทรลเลอร์จอยสติ๊ก ที่มีออพชั่นให้เลือกแบบปุ่มธรรมดาและแบบปุ่มสัมผัส ในขณะที่มาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ ถูกย้ายไปอยู่บริเวณหลังพวงมาลัย เพื่อให้ข้อมูลกับผู้ขับเพียงคนเดียวแทน
ที่โดดเด่นที่สุดของระบบคอนโซลภายใน คือไฟ LED วงแหวนรอบหน้าจอคอนโซลกลาง ที่สามารถแสดงสีของไฟ LED ได้หลากหลาย บ่งบอกสถานะของการปรับแต่งเมนูต่างๆ ในขณะนั้น เช่น เมื่อเซนเซอร์ถอยหลังทำงาน แสดงเป็นสีเขียว เมื่อถอยไปใกล้วัตถุมากๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีแดง ตามลำดับ, หรือเมื่อมีการปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ ไฟวงแหวน LED ก็จะแสดงเป็นสีฟ้าหรือสีแดงตามแต่อุณหภูมิที่กำลังปรับอยู่ในขณะนั้น เป็นต้น
ระบบกุญแจ keyless-go เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ New MINI ทุกรุ่น โดยมีสวิตช์ในการสตาร์ทรถอยู่บริเวณกึ่งกลางของตัวรถอย่างโดดเด่น มีการปรับตำแหน่งของปุ่มต่างๆ ภายในตัวรถให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากขึ้น เช่นมีการย้ายสวิตช์เปิดปิดหน้าต่างไปอยู่ที่แผงประตู แทนที่จะอยู่คอนโซลกลาง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ MINI Countryman และ MINI Paceman ไปก่อนหน้านี้แล้ว
เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง
เครื่องยนต์ของ New MINI ถูกแบ่งออกเป็นสามรุ่นใหญ่ๆ คือ เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 1.5 ลิตร 3 สูบ ให้กำลัง 134 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper, เครื่องยนต์เบนซิน TwinPower Turbo 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 189 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper S และ เครื่องยนต์ดีเซล TwinPower Turbo ให้กำลัง 114 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper D
ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของ New MINI ใหม่ ทาง MINI ได้เคลมว่าจะมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยคาร์บอนที่ดีขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับ MINI เจเนอเรชั่นก่อนหน้า
ระบบเกียร์ ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ auto start/stop ให้กับเกียร์อัตโนมัติเป็นครั้งแรก เพื่ออัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการเพิ่มออพชั่นเกียร์อัตโนมัติแบบสปอร์ต ที่ใช้เวลาในการเปลี่ยนเกียร์น้อยลง รวมถึงมีการทำ rev-match เมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์ลงแบบอัตโนมัติด้วย
ช่วงล่างของ New MINI เป็นส่วนที่ถูกปรับแต่งมากที่สุดส่วนหนึ่ง แต่ยังให้อารมณ์ Go-Kart เหมือนเดิม เพลาหน้าเป็น single-joint spring strut axle แบบใหม่ เพลาหลังเป็น multi-link axle ที่ถูกลดน้ำหนักลง ใช้อะลูมิเนียมและเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง มีการเพิ่มออพชั่น variable damper control ปรับระดับความแข็งของช่วงล่างได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ MINI ที่มีออพชั่นนี้
MINI Connected
ในรถ New MINI ที่เปิดตัวใหม่นี้ จะเป็นครั้งแรกที่ MINI Connected ถูกแบ่งออกเป็น MINI Connected กับ MINI Connected XL ตามขนาดหน้าจอในตัวรถ โดย MINI Connected XL จะเพิ่มการรองรับฟังก์ชัน Journey Mate สำหรับระบบการนำทางเพื่อใช้ร่วมกับผู้ใช้ MINI คันอื่น และรองรับการให้ข้อมูลจราจรแบบ Real Time
นอกจากนี้ MINI ยังประกาศว่า MINI Connected จะมีการรองรับสมาร์ทโฟน Android เป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งแอพ MINI Connected สำหรับ Android จะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store เร็วๆ นี้
MINI Head-up Display
ครั้งแรกของรถ MINI ที่มีหน้าจอ Head-up Display หรือ HUD แสดงผลด้วยจอสี ให้ข้อมูลแก่ผู้ขับรถมินิได้หลากหลาย เพิ่มความปลอดภัยในขณะขับขี่ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนเพื่อมาดูหน้าจอหลักของตัวรถ สามารถบอกตัวเลขความเร็วปัจจุบัน, ระบบนำทางในรูปแบบของลูกศรบนแผนที่, สัญลักษณ์เตือนคนเดินข้ามถนน, สัญลักษณ์เตือนการจำกัดความเร็ว และ ข้อมูลของระบบความบันเทิงในรถยนต์ เช่น ชื่อเพลง หรือ ชื่อคลื่นวิทยุ โดยทั้งหมดจะแสดงบนหน้าจอ HUD ความละเอียดสูง ให้ความคมชัดในทุกสภาพแสง
ตำแหน่งของหน้าจอ HUD จะเป็นช่องอยู่ระหว่างกระจกหน้ารถกับพวงมาลัย โดยจะเป็นหน้าจอแบบพับได้ สามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดได้จากฟังก์ชันของตัวรถ
Park assist.
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ เป็นจริงแล้วกับรถ MINI F56 โดยระบบสามารถช่วยจอดรถแบบ parallel parking (จอดเทียบฟุตบาท) เริ่มตั้งแต่การตรวจหาพื้นที่ที่สามารถจอดได้โดยอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำกว่า 35 km/h ซึ่งระบบจะมองหาพื้นที่จอดรถที่มีความยาวเท่ากับรถ MINI ของเรา บวก 1 เมตร ที่เมื่อหาเจอแล้ว หน้าจอของตัวรถเราก็จะแสดงพื้นที่การจอด เพื่อให้คนขับกดปุ่มช่วยจอด จากนั้น ระบบจะควบคุมพวงมาลัย วงเลี้ยวทั้งหมดให้ โดยสิ่งที่คนขับต้องทำ คือควบคุมเบรคและคันเร่งเท่านั้น ตามขั้นตอนที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอของตัวรถ
โหมดการขับขี่
เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่รถ MINI มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมด คือโหมดการขับขี่แบบปกติ หรือ MID Mode, โหมดประหยัดน้ำมัน หรือ GREEN Mode และโหมดสปอร์ต ขับขี่ด้วยฟีลลิ่ง Go-Kart ให้ความสนุกสนาน หรือ SPORT Mode โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดได้จากวงแหวนรอบๆ คันเกียร์ ซึ่งโหมดการขับขี่นี้ จะเข้าควบคุมการทำงานหลายส่วนพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราทดเกียร์, ความแข็งของช่วงล่าง หรือแม้กระทั่งแสงไฟ ambient light ในตัวรถ
Technical Specifications
MINI Cooper | MINI Cooper D | MINI Cooper S | ||
Engine | ||||
Cylinders/layout/valves | 3/in-line/4 | 3/in-line/4 | 4/in-line/4 | |
Capacity | cm3 | 1499 | 1496 | 1998 |
Stroke/bore | mm | 94.6/82 | 90/84 | 94.6/82 |
Max. output/ | hp (kW)/rpm | 136 (100)/ | 116 (85)/ | 192 (141)/ |
max. revs | 4500-6000 | 4000 | 4700-6000 | |
Max. torque/revs | Nm/rpm | 220/1250 | 270/1750 | 280/1250 |
Compression ratio/ | :1 | 11/91-98 RON | 16.5/diesel | 11/91-98 RON |
recommended fuel | ||||
Performance | ||||
Max. speed | km/h | 210 | 205 | 235 |
Acceleration 0-100 km/h | sec. | 7.9 | 9.2 | 6.8 |
Acceleration 80-120 km/h | sec. | 9.3 | 8.9 | 6.4 |
Fuel Consumption | ||||
Urban | l/100km | 5.8-5.7 | 4.4-4.3 | 7.7-7.6 |
Extra-urban | l/100km | 3.9-3.8 | 3.2-3.1 | 4.6-4.6 |
Combined | l/100km | 4.6-4.5 | 3.6-3.5 | 5.8-5.7 |
CO2 emissions | g/km | 107-105 | 95-92 | 136-133 |
(combined cycle) | ||||
Tank capacity, approx. | l | 40 | 44 | 44 |
Range | km | 890 | 1255 | 769 |
Weight/Luggage Capacity | ||||
Unladen weigh EU | kg | 1160 | 1210 | 1235 |
Max. permitted weight | kg | 1565 | 1615 | 1640 |
Max. permitted load | kg | 450 | 450 | 450 |
Max. permitted axle load | kg | 870/755 | 910/755 | 915/765 |
front/rear | ||||
Luggage capacity | l | 211 | 211 | 211 |
Wheels | ||||
Tyre dimensions, | 175/65 R 15 84H | 175/65 R 15 84H | 195/55 R 16 87W | |
front/rear | ||||
Wheel dimensions, | 5.5 J x 15 | 5.5 J x 15 | 6.5 J x 16 | |
front/rear | light-alloy | light-alloy | light-alloy |
กำหนดวางขาย
2014 New MINI มีกำหนดวางขายในตลาดอังกฤษในช่วงต้นปี 2014, ตลาดสหรัฐอเมริกา เดือนมีนาคม 2014 และคาดว่าจะเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในงาน Bangkok International Motor Show ปลายเดือนมีนาคม 2014 ส่วนราคาต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจาก MINI Thailand อีกครั้ง
ตัวรถ New MINI ที่เปิดตัววันนี้ ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก ที่ผมจะทยอยนำเสนอกันแบบเจาะลึกครับ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการขับขี่ เพราะวันนี้เป็นเพียงการเปิดตัวแบบเผยโฉมอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่มีการเปิดให้ทดลองขับแต่อย่างใด อย่าลืมติดตามกันให้ดีนะครับ