รีดความแรง! ทดลองขับ MINI JCW ในสนามแข่งรถ Sepang Circuit ประเทศมาเลเซีย

สวัสดีแฟนๆ มินิ จากสนามแข่งรถ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซียครับ วันนี้เป็นอีกวันที่ผมตื่นเต้นมาก และเป็นวันที่ MINI เองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เพราะนี่คือครั้งแรกที่ MINI ได้จัดการทดสอบรถยนต์ MINI John Cooper Works ที่สนามแข่งรถยนต์ระดับฟอร์มูล่าวันแห่งนี้

ผมได้รับเกียรติจากทาง MINI ให้เข้าร่วมการทดสอบรถยนต์ MINI John Cooper Works รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ JCW Clubman และ JCW Countryman ที่เพิ่งจะเปิดตัวกันไปไม่นานนี้ โดยรอบนี้บินมาทดสอบกันที่ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซียครับ เพื่อที่จะรีดความแรงของรถยนต์ MINI ที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็น MINI โมเดลที่แรงที่สุดตั้งแต่ MINI ได้ทำการผลิตขึ้นมาจำหน่าย และเป็นโอกาสที่ BMW Group Malaysia ได้เปิดตัว MINI JCW Clubman กับ MINI JCW Countryman เป็นครั้งแรกอีกด้วย (ส่วนในบ้านเรานั้น ได้เปิดตัว JCW Clubman และเริ่มวางจำหน่ายไปแล้วในงานมอเตอร์โชว์ เดือนเมษายนที่ผ่านมา)

MINI Track Days 2017

ทาง MINI Malaysia ได้ตั้งชื่องานวันนี้ว่า MINI Track Days 2017 ครับ ผมเดินทางมาถึงบริเวณ South Paddock ของสนามเซปังในช่วงเช้า พบกับรถยนต์ MINI หลากหลายรุ่นจอดเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม แต่ยังอุบตัวแรงทั้ง MINI JCW Clubman และ JCW Countryman เอาไว้รอช่วงของการเผยโฉมพร้อมๆ กันอยู่

MINI John Cooper Works Clubman
MINI John Cooper Works Countryman

เมื่อถึงเวลา Mr. Kidd Yam, Head of MINI ของ BMW Group Malaysia กล่าวต้อนรับ พร้อมเปิดประเดิมด้วยการเผยโฉมรถยนต์ MINI John Cooper Works Clubman และ MINI John Cooper Works Countryman เป็นครั้งแรกในมาเลเซีย โดยทั้งคู่มาในสีเขียว Rebel Green ตัดกับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Chili Red อย่างดุดันตามสไตล์ JCW เร่งเครื่องยนต์ให้มีเสียงดังปังๆๆๆ จากท่อไอเสีย กระตุ้นบรรยากาศความแรงของเช้าอันร้อนระอุที่สนามเซปังได้เป็นอย่างดี

MINI JCW Clubman และ MINI JCW Countryman ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ มีความแรง 231 แรงม้าเท่ากันทั้งสองรุ่น แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักตัวของตัวถัง Countryman ที่มากกว่า จึงส่งผลให้ Clubman มีตัวเลขอัตราเร่ง และ ความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่า Countryman เล็กน้อยครับ (0-100km/h: 6.3 วินาที vs 6.5 วินาที) นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ALL4 ที่สามารถถ่ายเทกำลังเครื่องยนต์ไปยังล้อที่ต้องการได้อย่างชาญฉลาด เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน และเข้าโค้งในสนามแข่งที่ดีเยี่ยมมากขึ้น รวมถึงมีความสามารถในการลุยพื้นผิวที่ไม่ใช่ถนนเรียบๆ ได้แบบสบายๆ

ภายนอกของ MINI JCW Clubman และ MINI JCW Countryman ตกแต่งมาด้วยชุดแอโร่ไดนามิกของ John Cooper Works โดยเฉพาะ ล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ต JCW ขนาด 19 นิ้ว สีดำ Burnish Black ตัดกับเบรกสปอร์ต JCW สีแดงอย่างลงตัว ด้านท้ายมีปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่กว่า MINI ในรุ่นปกติอย่างชัดเจน

ภายใน เสริมความดุดันด้วยเบาะแบบสปอร์ต สลับหนังแท้ กับหนัง Dinamica สีดำตัดขอบสีแดง ออกแบบมาโอบรอบตัวผู้ขับขี่ รองรับสรีระในขณะเข้าโค้ง มีหน้าปัดลวดลายสปอร์ต ใช้โทนสีดำ Piano Black ในรุ่น MINI JCW Countryman และโทน Fibre Alloy ในรุ่น MINI JCW Clubman

MINI JCW Clubman และ MINI JCW Countryman ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นมินิที่มีความแรงเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ว่าอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการขับขี่ก็มีมาให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Head-up Display ที่คอยบอกความเร็วในการขับขี่, บอกทิศทางขณะกดนำทางจากแผนที่, ข้อความเตือนต่างๆ หรือ หน้าจอ Central Display กึ่งกลางคอนโซลขนาด 8.8 นิ้ว รองรับทัชสกรีน และรองรับการเชื่อมต่อกับแอพ MINI Connected ในสมาร์ทโฟน รวมไปถึงระบบเครื่องเสียง harman/kardon ให้กำลังเสียงขนาด 410 วัตต์ ก็มีมาให้อย่างไม่มีกั๊กใน MINI ทั้งสองรุ่นตัวแรงนี้

JCW Track Experience, Sepang International Circuit

เอาล่ะครับ หลังจากที่ BMW Group Malaysia ได้แนะนำรถยนต์ JCW ใหม่ทั้งสองรุ่นแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะได้ลงไปขับกันอย่างจริงจัง ในสนามแข่งรถระดับฟอร์มูล่าวันแห่งนี้กันแล้ว โดยเริ่มจากการรับบรีฟเส้นทางของสนามแข่ง กฎการขับขี่ และ สวมหมวกนิรภัยก่อนลงสนามกัน

ผมเริ่มขับรุ่น MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ก่อนเลยครับ มินิตัวแรงที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ MINI เคยผลิตขึ้นมาจำหน่าย มิติของตัวรถ ไม่ต่างจาก MINI Countryman ในโฉมโมเดลปกติที่ผมเพิ่งจะได้ทดลองขับไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่พอมาเป็นโมเดล JCW แล้ว ก็จะได้ฟิลลิ่งของความสปอร์ต และมีเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด

สนามเซปังนี่มีเสน่ห์มากครับ การทดสอบครั้งนี้เปิดใช้เฉพาะส่วน South ของสนามเท่านั้น (ทางวิ่งประมาณครึ่งนึงของสนามทั้งหมด) ความยาวประมาณ 2.61 กิโลเมตร ใช้ความเร็วได้สูงมาก และมีโค้งที่ท้าทายอยู่หลายโค้งทีเดียว แม้ว่าจะมีความกว้าง track ที่มากกว่าสนามแข่งรถทั่วไปอยู่พอสมควร แต่ด้วยความเร็วที่สามารถใช้ได้ค่อนข้างมาก การเข้าโค้งทุกโค้งจึงต้องแม่นยำ และการที่ได้ทดสอบรถที่มีประสิทธิภาพสูง ออกแบบมาเหมาะกับการขับขี่ในสนามด้วยนี่ยิ่งรีดสมรรถนะของรถยนต์รุ่นนั้นๆ ออกมาได้เต็มที่จริงๆ

MINI JCW Countryman ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ แม้ว่ามันจะมีขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่มากกว่ารถยนต์ MINI โมเดลอื่นๆ ก็ตาม แต่มีหลายจังหวะที่สามารถรับรู้ได้ว่า ระบบ ALL4 และระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ (DSC) เข้ามาช่วยเหลือในการประคองรถยนต์ให้ผ่านโค้งที่ใช้ความเร็วสูงได้แบบฝืนกฎฟิสิกส์ เลยยิ่งทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น กล้าใช้ความเร็วที่สูงขึ้น และก็ทำให้การทดสอบ JCW Countryman ในสนามเซปังนี้มันสนุกขึ้นอย่างชัดเจน

ความรู้สึกเมื่อควบคุม JCW Countryman หลังพวงมาลัยนี่คือเราจะนึกภาพของรถยนต์ในไซส์ของ Countryman ไม่ออกเลยนะครับ พละกำลังของเครื่องยนต์, เสียง pop จากท่อไอเสีย, เสียงรอบเครื่องยนต์ที่ค่อยๆ กวาดขึ้นจนเปลี่ยนเกียร์ และมีจังหวะกระแทกเบาๆ ให้หลังติดเบาะ ล้วนทำให้เรารู้สึกว่า เรากำลังขับอยู่ในรถยนต์รูปทรงสปอร์ต จนลืมไปว่านี่คือรถ MINI ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ MINI เคยผลิตมา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือ มินิยังคงเน้นความรู้สึกในการขับขี่แบบ ‘go-kart feeling’ และสามารถถ่ายทอดมาอยู่ในรถยนต์ไซส์นี้ได้อย่างน่าประหลาดใจ

ถัดมา ผมสลับไปขับ MINI JCW Clubman บ้าง รถ MINI ในรูปทรง Estate อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ได้สูงเท่ากับ Countryman มีน้ำหนักที่เบากว่า แต่มีความเอนกประสงค์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร มี 4 ประตู ขึ้นลงสะดวก และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ที่เปิดออกด้วยประตูท้ายอีก 2 บาน โดย MINI Clubman ในรุ่นเครื่องยนต์ John Cooper Works นี้ ก็ได้อัดความแรง ความสปอร์ตเข้าไปอย่างสูงสุดเช่นกัน ผิดจากลุค Gentleman ที่ MINI ใช้ในการเปิดตัวรถยนต์รูปโฉมนี้ในคราวแรกอย่างผิดหูผิดตา

ด้วยความที่ผมได้ขับ JCW Countryman ก่อนที่จะขึ้นมาขับเจ้า JCW Clubman ตัวนี้ ความรู้สึกเลยยิ่งรู้สึกว่ามันแรงขึ้นไปอีก เพราะตัวรถที่ขนาดที่เล็กกว่า และ เบากว่า แต่มีอัตราความแรงของเครื่องยนต์ที่เท่ากัน และมีเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมการขับขี่ในสนามแข่ง หรือ การขับขี่ในย่านความเร็วสูงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในโหมด SPORT ที่สามารถปรับได้จากฐานของคันเกียร์ เพิ่มความรู้สึกในการขับขี่สไตล์ go-kart ได้อย่างเต็มที่

เรียกได้ว่าขับสนุกจนอยากจะแถมอีกหลายๆ รอบเลยล่ะครับ

MINI Driving Experience

ความสนุกยังไม่ได้จบแค่นั้นนะครับ ทาง BMW Group Malaysia ยังเตรียมรถยนต์ MINI โมเดลอื่นๆ เอาไว้อีกแทบจะทุกรุ่น ให้ผมได้มีโอกาสทดลองขับเพิ่มเติมอีก โดยเน้นที่ประสบการณ์การขับขี่ และ การควบคุมรถในระดับ advance ที่ทีมงานได้จัดเตรียมสถานีทดสอบประสิทธิภาพรถยนต์เอาไว้บริเวณ North Circuit ของสนามเซปัง

สถานีทดสอบแรก คือสถานีการทดสอบขับขี่ Slalom หรือว่าขับขี่แบบซิกแซก โดยมีการตั้งกรวยยางเอาไว้ แต่ที่พิเศษกว่าการขับ Slalom ทั่วไปก็คือจะมีการ Slalom ในโค้งของสนามแข่งรถอีกที เพิ่มความยากขึ้นไปอีก แล้วเมื่อสิ้นสุดการ Slalom เราจะต้องควบคุมรถเข้าไปอยู่ในช่องที่กำหนดไว้ และกดเบรกให้รถหยุดสนิทไม่ให้ล้นจากกรอบที่กำหนด ท้าทายความสามารถในการควบคุมรถ MINI และพิสูจน์ความเฉียบคมของพวงมาลัยในมินิแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดีครับ

และปิดท้ายด้วยสถานีที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในการทดสอบ ก็คือการควบคุมรถเข้าไปในช่องจอด โดยการดึงเบรกมือให้รถสไลด์เข้าไปอยู่ในช่องที่เตรียมไว้ อาศัยความแม่นยำของการหักพวงมาลัย น้ำหนักของเบรกที่เท้า จังหวะการดึงเบรกมือ ความเร็วของตัวรถ ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันทั้งหมด ถึงจะสามารถสไลด์รถ MINI เข้าไปอยู่ในช่องจอดได้อย่างพอดีโดยไม่ชนกรวยยางที่ตั้งไว้ สนุกมาก และทำได้ไม่ยากอย่างที่คิดครับ


ถือเป็นวันของ MINI จริงๆ ครับ ทั้งได้ขับ MINI John Cooper Works ตัวแรง ในสนามแข่งระดับโลก ที่ได้รีดเอาประสิทธิภาพของ MINI John Cooper Works ทุกโมเดลออกมาได้อย่างเต็มที่ และ ได้ทดลองขับมินิอีกหลากหลายโมเดล ในสถานีทดสอบประสิทธิภาพที่ถูกเตรียมมาเพื่อการขับขี่แบบ go-kart feeling โดยเฉพาะ

การทดสอบวันนี้ได้พิสูจน์ตำนานของ John Cooper Works ได้ชัดเจนครับ มันคือการปรับแต่งรถยนต์ MINI ที่ลงตัวที่สุด และเหมาะสำหรับแฟน MINI ที่ต้องการประสิทธิภาพของ MINI ในแต่ละโมเดลโดยแทบจะไม่ต้องไปปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ปรับจูนมา แรงจากโรงงาน ขับสนุก เสียงเพราะ อัตราเร่งสะใจ

ปัจจุบัน มินิ ประเทศไทย มี MINI John Cooper Works จำหน่ายแล้วทั้งหมด 2 โมเดล คือ

  • MINI John Cooper Works Hatch (F56) ราคา 3,450,000 บาท 
  • MINI John Cooper Works Clubman (F54) ราคา 3,588,000 บาท

ทั้งสองโมเดล รับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันการซ่อมบำรุง MINI Service Inclusive (MSI) นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สามารถติดต่อทดลองขับได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศแล้วครับ

ส่วนแฟนๆ มินิในไทย ที่รอรุ่น MINI John Cooper Works Countryman อยู่นั้น น่าจะมีข่าวดีมาประกาศให้ทราบกันเร็วๆ นี้

ขอขอบคุณ:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
มินิ ประเทศไทย
BMW Group Malaysia

บทความโดย:
อู๋ @spin9

Comments: