![mini-electric-cover-txt](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/mini-electric-cover-txt-696x362.jpg)
สวัสดีจาก Miami ครับ มากันแบบ Exclusive อีกเช่นเคยนะครับ ผมมาด้วยคำเชิญของ MINI เพื่อร่วมงานเปิดตัว ‘MINI Electric’ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่จะทำออกมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ MINI ครับ และที่สำคัญคือ เจ้า MINI Electric คันนี้ จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2020 นี้เลยด้วย
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00244.jpg)
พูดถึงรถ MINI คงไม่ต้องเกริ่นอะไรกันมากมายนะครับ ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ และทำให้แฟนๆ มินิทั่วโลกหลงรักมาอย่างยาวนานถึง 60 ปี ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่แบรนด์มินิ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นรถที่มีความเอนกประสงค์มาก คล่องตัวบนท้องถนน แถมยังขับสนุก แต่งให้สปอร์ตได้เต็มที่ และเหนือชั้นในระดับเวทีการแข่งขันโลก จนสามารถคว้าแชมป์แรลี่รายการหินๆ มาแล้วทั้ง Monte Carlo Rally และ Dakar Rally ด้วย
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00184.jpg)
ล่าสุด มินิ ภายใต้หลังคาของ BMW Group ก็ต้องเดินหน้าสู่เทรนด์ยานยนต์ของโลก ด้วยการพัฒนารถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลภาวะสู่อากาศ ด้วยการให้พลังงานไฟฟ้าเข้ามามีบทบาท อย่างที่เราได้เห็นกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ มาแล้วเช่นกัน แต่ความโชคดีของมินิ คือการที่ BMW Group ได้เริ่มพัฒนาชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ามานานนับสิบปีแล้ว และได้นำประสบการณ์และเทคโนโลยีจากแบรนด์ BMW i โดยเฉพาะในรุ่น BMW i3 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของ BMW ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2013 เข้ามาพัฒนาให้มันมาอยู่ในร่างของรถ MINI โฉมปัจจุบันได้อย่างลงตัวที่สุด ที่ผมจะพามาขับในวันนี้นี่แหละครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/mini-e-timeline.jpg)
แท้จริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ MINI พยายามนำชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาอยู่ในรถ MINI Hatchback นะครับ แต่ในโฉมก่อนหน้า ในปี 2008 โปรเจค MINI E ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และมินิเองก็ได้ศึกษามามากเพียงพอจนออกมาเป็น MINI Electric ที่เปิดตัวในวันนี้
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020055.jpg)
MINI เปิดตัวเจ้า MINI Electric ในโฉมของรหัส F56 นี้ ในชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการว่า MINI Cooper SE ครับ (เติมตัว E ต่อท้ายไปใน Cooper S ที่เราคุ้นเคยกันในตลาดปัจจุบัน) โดยคงเอกลักษณ์ของรูปทรงภายนอกแบบ MINI Hatch สามประตูโฉมปัจจุบันแทบทุกประการครับ จนเรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้ติดตามข่าวจริงๆ ก็ไม่มีใครดูออกเลยว่า นี่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยมินิ เลือกใช้ทริมสีเหลือง ในการสะท้อนภาพของการใช้พลังงานสะอาด ในการตกแต่งเจ้า MINI Electric คันนี้โดยรวมรอบคัน ในขณะที่หลายๆ แบรนด์เลือกใช้สีฟ้าเป็นหลัก ผมว่าดูเท่และเป็นเอกลักษณ์ดีนะ
การออกแบบ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020076.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020066.jpg)
ส่วนที่โดดเด่นที่สุดจากภายนอก คือบริเวณกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม ที่เดิมเป็นช่องระบายอากาศ ได้ถูกปิดทึบ และคาดด้วยเส้นสีเหลือง กับโลโก้ตัว E ที่มินิออกแบบมาได้อย่างเฉียบขาด หากมองเฉพาะส่วนสีเงิน เราจะเห็นเป็นตัว E และหากมองเฉพาะส่วนสีเหลือง เราจะเห็นเป็นรูปปลั๊กไฟ สวยอย่างมีสไตล์ครับ ส่วนสกู้ปดักลมบนฝากระโปรง ก็มีไว้เพื่อการตกแต่ง 100% ตามดีไซน์ของฝากระโปรงรุ่น Cooper S ของมินิ ไม่ได้เป็นช่องระบายอากาศจริงแต่อย่างใด
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00164.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00297.jpg)
ด้านข้างของตัวรถ ส่วนที่เด่นมากจนสะดุดตาหลายคน คือล้ออัลลอยรูปทรงแปลกตาครับ นี่คือล้อลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ในชื่อลาย Corona Spoke 2-tone (ชื่อเหมือนไวรัสที่กำลังระบาดนี่เลย) โดยเป็นครั้งแรกที่มินิออกแบบล้อรถยนต์แบบ “อสมมาตร” หรือ Asymmetrical Design และใช้ลวดลายที่ผสมผสานระหว่างความล้ำยุค เทคโนโลยี และการใช้งานจริงเช้าด้วยกัน แม้ดีไซน์จะไม่สมมาตร แต่การกระจายน้ำหนักยังคงเท่ากันทั้งวง ตัดกับทริมสีเหลืองล้อมรอบได้แบบโดดเด่นเลยครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020060.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00307.jpg)
ส่วนบริเวณ Side Scuttle ก็ปรับมาใช้โลโก้ตัว E เช่นกัน และตำแหน่งของฝาถังน้ำมันเดิม ก็ถูกปรับมาเป็นช่องเสียบชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อไม่ให้กระทบกับดีไซน์เดิมของตัวรถ แถมบริเวณฝาถังยังฝังเอาโลโก้ตัว E เข้าไปแบบนูนๆ ด้วย
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00162.jpg)
ย้ายมาที่ท้ายรถครับ MINI Cooper SE ยังคงเอกลักษณ์ของ MINI โฉมปัจจุบันมาครบทุกส่วน โดยเฉพาะไฟท้ายลวดลาย Union Jack , มือจับฝากระโปรงท้ายที่ใช้ทริมคนละสีกับตัวถัง แต่มีส่วนที่อย่างให้ดูเพิ่มเติม คือโลโก้ Cooper S นั้น มีการเปลี่ยนตัว S ที่ปกติจะเป็นสีแดง มาเป็นสีเหลืองแทน เพื่อบ่งบอกว่านี่คือ Cooper S พลังงานไฟฟ้านะ และมีโลโก้ตัว E อยู่อีกฝั่งหนึ่งของฝากระโปรงท้าย
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00309.jpg)
และแน่นอนครับ ไม่มีท่อไอเสีย รถคันนี้มีค่ามลภาวะเป็นศูนย์
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00312.jpg)
มินิ ได้ทำการทดแทนเครื่องยนต์สันดาป ในฝากระโปรงหน้า ด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงถึง 135kW หรือเทียบเท่าความแรง 184 แรงม้า (ซึ่งมันคือความแรงระดับ Cooper S เลย) มีจุดเด่นที่อัตราเร่งจาก 0-100km/h ได้ในระยะเวลาเพียง 7.3 วินาที และเคลมตัวเลขแรงบิดที่ 270Nm ที่มาตั้งแต่รถหยุดนิ่ง กระชากออกตัวได้แบบแรงสะใจสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า โดยรถรุ่นนี้ ยังคงขับเคลื่อนล้อหน้าตามเอกลักษณ์ของมินิเช่นเดิมด้วย
ส่วนของแบตเตอรี่ มินิได้ออกแบบให้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ แบ่งออกเป็นทั้งหมด 12 โมดูล เรียงกันเป็นตัว T ตั้งแต่แกนกลางของรถ ไปจนถึงหัวตัว T ที่อยู่ใต้เบาะที่นั่งแถวหลัง มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 93.2Ah / 32.6kWh เคลมระยะทางการวิ่งได้ราว 235-270km ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และตัวรถมีน้ำหนักรวม 1,365kg ซึ่งหนักกว่า MINI Cooper S รุ่นเครื่องยนต์สันดาปปกติเพียง 145kg เท่านั้น แต่ที่สำคัญคือ ตัวแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักมาก อยู่บริเวณฐานของตัวรถ ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงหรือ CG (Center of Gravity) ของตัวรถ อยู่ต่ำกว่า Cooper S ปกติถึง 30mm (ไม่น้อยนะครับ) ทำให้รถเกาะถนนกว่าเดิม ขับสนุกกว่าเดิม เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ตอกย้ำคาแรคเตอร์การขับขี่แบบ Go-kart feeling ได้มากกว่าเดิม
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00278.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020073.jpg)
เปิดฝากระโปรงท้ายบ้าง บอกเลยว่า มินิทำให้ผมประหลาดใจมากครับ เพราะพื้นที่สัมภาระท้ายรถ ไม่ถูกบดบังหรือลดทอนลงไปเลย ยังมีฝาท้ายที่ลึก และเก็บของได้เทียบเท่า MINI ในรุ่นเครื่องยนต์ปกติทุกอย่าง มีความจุ 211 ลิตรเท่าเดิม ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้อย่างที่เห็น อันนี้ทีมวิศวกรและทีมออกแบบทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4620.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4612.jpg)
ดูภายนอกกันไปแล้ว มาต่อกันที่ภายในนะครับ ห้องโดยสารของ MINI Cooper SE มีความใกล้เคียงกับ MINI โฉมปัจจุบันอย่างมากครับ ยกเว้นบางส่วนเท่านั้น คือ หน้าปัดหลังพวงมาลัย ที่เปลี่ยนมาเป็นหน้าจอดิจิทัล 100% แล้ว โดยนี่เป็นรถมินิรุ่นแรกที่ใช้หน้าปัดแบบดิจิทัล 100% แสดงข้อมูลความเร็ว ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ และข้อมูลการขับขี่ต่างๆ ได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/RN_MINI_Cooper_SE_012020_00088.jpg)
ส่วนที่สองที่แตกต่างออกไป คือการเปลี่ยนมาใช้เบรกมือไฟฟ้าทดแทนเบรกมือปกติ เพื่อประหยัดพื้นที่และความล้ำสมัยของตัวรถ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4624.jpg)
และส่วนสุดท้ายคือเบาะที่นั่งแถวหลังที่มีรูปทรงเปลี่ยนไปเบาะมีความลึกขึ้นแต่อยู่ตำแหน่งสูงขึ้นเพื่อให้พื้นที่กับแบตเตอรี่ด้านใต้ครับคนตัวสูงหน่อยอาจจะนั่งหังไม่ถนัดเท่าเดิมเป็นข้อจำกัดที่ต้องแลกกันไป
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/RN_MINI_Cooper_SE_012020_00122_01.jpeg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/RN_MINI_Cooper_SE_012020_00087.jpg)
ทริมภายในตัวรถยังเลือกใช้สีเหลืองเป็นหลักครับปุ่ม Start/Stop เปลี่ยนเป็นสีเหลือง เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของตัวรถ เช่นหัวเกียร์ที่มีแถบสีเหลืองตกแต่งเพิ่มเติมเข้ามา
ทดลองขับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/se-test-route.jpg)
ผมเริ่มทริปทดสอบนี้ ในตัวเมือง Miami ไปยัง Fort Lauderdale เลียบชายหาดที่สวยงามของไมอามี่แบบความเร็วต่ำ และกลับมาที่เดิมด้วยเส้นทางไฮเวย์ในตัวเมืองด้วยย่านความเร็วที่สูงขึ้น ใช้เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมงเศษในการทดสอบ MINI Cooper SE ในวันนี้ครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4589.jpg)
ทันทีที่เท้ากดแป้นเบรกและมือกดปุ่ม Start สีเหลือง ตัวรถก็ทักทายเราด้วยเสียงสตาร์ทที่ล้ำยุคมากๆ (ตามไปฟังกันในคลิปทดสอบนะครับ) ให้ความรู้สึกราวกับสตาร์ทยานอวกาศเลยล่ะครับ และตามมาด้วยความเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมจากช่องแอร์ให้เราได้ยินเท่านั้น เป็นอันพร้อมที่จะออกเดินทาง
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/se-recuperation.jpg)
ก่อนพูดถึงการขับขี่ ต้องพูดถึงระบบ Recuperation หรือ Brake Regerenation ในรถยนต์ไฟฟ้ากันก่อนครับ ระบบนี้จะมีอยู่ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แทบทุกรุ่นเลย นั่นคือ ตัวรถจะพยายามแปลงเอาพลังงาน Kenetic ที่หลงเหลือจากการขับขี่ ย้อนกลับไปเป็นพลังงานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อใช้พลังงานทุกช่วงเวลาอย่างคุ้มค่าครับ และ MINI Cooper SE ก็มาพร้อมกับระบบ Recuperation นี้เช่นกัน แถมยังเป็นรถรุ่นแรกของ BMW Group ที่มีตัวเลือกของ Recuperation ให้เราปรับได้ถึง 2 เลเวลด้วย
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00066.jpg)
โหมดมาตรฐานของ Recuperation ในรถมินิคันนี้ จะเป็นโหมด High ครับ ที่จะทำให้เราขับรถคันนี้ได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว เพราะหากเราถอนคันเร่งขึ้นมา ตัวรถจะดึงเอาพลังงานที่เหลือทั้งหมด ย้อนกลับไปชาร์จแบตเตอรี่ ฉุดแรงเคลื่อนตัวรถลงมาจนหยุดนิ่ง ค่อยๆ ช้าลงราวกับการกดแป้นเบรก ที่มีข้อดีคือ เราสามารถขับรถในสถานการณ์ปกติเกือบทั้งหมดได้ด้วยการใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ไม่ต้องย้ายเท้าจากคันเร่งไปที่เบรกเลย แถมไม่สูญเสียพลังงานในระหว่างขับขี่อีกด้วย แต่โหมดนี้ต้องอาศัยความคุ้นเคยสักหน่อยครับ ขับไปสักพักก็จะเริมรู้จังหวะว่าต้องเลี้ยงคันเร่งแบบไหน ผ่อนแค่ไหนให้เหมาะกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ แล้วเราก็จะขับได้เนียนขึ้น ไม่กระชากหวือหวาหรือมีแรงฉุดจนหัวทิ่มแบบช่วงแรกๆ
หรือถ้าใครไม่คุ้นเคยจริงๆ ก็ต้องปรับเป็นโหมด Low ครับ โหมดนี้มีมีกำลังฉุดที่น้อยลงอย่างมาก ค่อนข้างใกล้เคียงกับการขับรถยนต์ปกติเลย แต่ก็จะเปลืองแบตเตอรี่มากกว่าโหมดแรกหน่อย อันนี้แล้วแต่ความชื่นชอบในการขับของแต่ละคนนะครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00032.jpg)
ในเรื่องความแรง MINI Cooper SE ต้องบอกว่า นี่เป็นรถที่แรงมากนะครับ อานิสงส์ของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เราออกตัวได้กระชากหลังติดเบาะสะใจมากๆ จังหวะเร่งแซงเฉียบขาดมาก บวกกับความคล่องตัวของรถรูปทรงแบบนี้ ถ้าขับในถนนที่คุ้นเคยกว่านี้ ทำให้คนขับเสียนิสัยได้ไม่ยากเลยครับ แต่มันคือช่วงเร่งออกตัวทั่วไปนะครับ ไม่สามารถสู้ความเร็วปลายกับรถยนต์ปกติได้แน่นอน โดยตัวเลขความเร็วสูงสุดที่มินิเคลมไว้คือ 150km/h เท่านั้น (ผมไม่ได้ทดลองนะครับ เพราะ Speed Limit ที่รัฐฟลอริด้านี่เข้มงวดมาก)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4606.jpg)
ความน่าประหลาดใจคือ หลังจากที่ผมขับได้สักพัก ผมเริ่มลืมครับ ว่านี่คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพราะมินิ เซ็ตอัพช่วงล่างมาได้ใกล้เคียงกับมินิรุ่นเครื่องยนต์ปกติโฉมปัจจุบันมากๆ มีความแข็งกระด้าง กระแทกกระทั้น ซิ่งได้ดั่งใจ พวงมาลัยคมกริบ จนหาความแตกต่างจากมินิรุ่นปกติได้ค่อนข้างยากในหลายๆ ช่วงเวลาของการขับเลย ยกเว้นในย่านความเร็วต่ำ ที่จะมีความเงียบของชุดมอเตอร์ไฟฟ้ามาคอยเตือนเราว่า เรากำลังขับแบบไร้มลพิษกันอยู่
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00045.jpg)
ความตั้งใจในการเซ็ตความรู้สึกให้เหมือนกับมินิปกตินี้ มันชัดเจนมากจนผมเชื่อว่าแฟนๆ มินิจะยอมรับกับชุดขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าได้ไม่ยากเลยครับ แต่ใครที่คาดหวังหรือมองหารถมินิที่นั่งสบายหน่อย ขับสบายหน่อย ก็อาจจะผิดหวังบ้าง เพราะนี่เป็นมินิอีกรุ่น ที่คนขับน่ะสนุก แต่คนนั่งจะบ่นยับถึงความกระด้างเหมือนเดิมแหละครับ
โหมดการขับขี่ของ MINI Cooper SE มีทั้งหมด 4 โหมดนะครับ เพิ่มเติมจาก 3 โหมดในรุ่นปกติ คือ Sport , Mid , Green และโหมดใหม่คือ Green+ ที่ผมไม่แนะนำโหมดใหม่ในบ้านเราเท่าไหร่ เพราะจะเป็นโหมดที่ประหยัดพลังงานแบบสุดๆ ปิดไม่ให้แอร์ทำงาน และใ้ไฟจากแบตอย่างประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เผื่อในกรณีฉุกเฉิน แบตใกล้หมดจริงๆ ก็เลือกเปิดโหมดนี้ได้ครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4612.jpg)
ในโหมด Sport กดแล้วหน้าปักจะมีวงแหวนสีแดง เพิ่มการตอบสนองต่อคันเร่งให้ไวขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้นเล็กน้อย และซิ่งได้สนุกขึ้นครับ โดยไม่ได้มีเสียงท่อแบบ Sport เร้าใจมาให้อย่างที่แฟนๆ มินิหลายคนคุ้นเคยนะครับ
โดยรวมแล้ว พูดอย่างเอนเอียงในฐานะแฟนมินิเลยว่า ผมชอบมากครับ
การชาร์จ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/se-charging.jpg)
การชาร์จ Mini Cooper SE สามารถทำได้ทั้งแบบ AC กระแสสลับ ด้วย Wall Charge มาตรฐานที่ติดตามบ้านหรือตู้ชาร์จสาธารณะทั่วไปได้เลย ซึ่งหากใช้เครื่องชาร์จที่มีกำลัง 11kW ก็จะสามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง และเต็ม 100% ใน 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าใช้เครื่องชาร์จที่มีกำลังน้อยกว่านี้ ก็จะเพิ่มระยะเวลาในการชาร์จขึ้นไปอีกพอสมควร
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/IMG_4590-rotated.jpg)
ตัวรถยังรองรับ DC Fast Charge กระแสตรงด้วย โดยรองรับสูงสุดที่กำลัง 50kW สามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 35 นาที และเต็มร้อยภายในเวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งครับ
สรุป
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/GS_MINI_Cooper_SE_012020_00067.jpg)
อย่างที่ทุกคนเข้าใจครับ MINI ไม่ใช่รถสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในโฉม Hatch สามประตู เป็นหนึ่งในรถที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งขนาดของตัวรถ การเข้าออกของผู้โดยสารแถวหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระ และความกระแทกกระทั้นที่ไม่ได้ทำให้เรานั่งได้สบายนัก แต่ข้อจำกัดเหล่านี้ แหละครับ ที่ทำให้แฟนๆ มินิชื่นชอบมาอย่างยาวนาน มันขับสนุก ดีไซน์โดดเด่น ตกแต่งได้หลากหลาย และตัวแบรนด์เองก็มีความเท่อย่างมาก
บวกกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคนอีกเช่นกัน มันมี Range ที่จำกัด และมีเรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถติดเครื่องชาร์จเป็นของตัวเองได้ แต่หากใครเป็นแฟนมินิ ที่กำลังมองหารถใหม่ และยอมรับข้อจำกัดเรื่องเหล่านี้ได้ รวมถึงใครที่กำลังเล็งว่า รถคันต่อไปของตัวเอง ต้องเป็นรถเสียบปลั๊กแล้วนะ ผมว่า MINI Cooper SE คือรุ่นที่น่าสนใจมากๆ ครับ
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดบ้านเรา มีตัวเลือกไม่มากนัก ซึ่งแน่นอนเลยว่า ทันทีที่ MINI Cooper SE คันนี้เข้ามาทำตลาดบ้านเรา มันจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด และสวยงามเป็นเอกลักษณ์ น่าจับตามองที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ติดตามการเปิดตัวในไทย และราคาวางจำหน่ายของ MINI Electric ในไทยได้เร็วๆ นี้ครับ
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2020/01/L1020078.jpg)
บทความโดย:
อู๋ spin9
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2014/11/avatar-150x150.jpg)
![](https://mini-th.com/wp-content/uploads/2014/11/avatar-150x150.jpg)