พาชม 3 ไฮไลต์ MINI รุ่นพิเศษ ที่งานมอเตอร์โชว์ 2020

เริ่มขึ้นแล้วนะครับ กับงาน Bangkok International Motor Show 2020 ที่ถูกเลื่อนการจัดงานมาเป็นเดือนกรกฎาคมในปีนี้จากสถานการณ์ COVID-19 โดยปีนี้ มินิ ประเทศไทย ได้ขนทัพเอามินิรุ่นพิเศษ มาจัดแสดง 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน

MINI Cooper SE
ราคา: 2,290,000 บาท (รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

มินิพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ ที่ BMW Group ได้พัฒนาขึ้น ที่ได้เปิดตัวครั้งแรกในไทยไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จในการเปิดจอง ด้วยจำนวนจำกัดของปีนี้เพียง 25 คัน และมีลูกค้าชาวไทยจับจองหมดเกลี้ยงภายใน 1 นาทีแรกหลังจากเปิดให้จองผ่านช่องทางออนไลน์ ตอนนี้ MINI Cooper SE ได้เริ่มส่งมอบแล้ว และมีคันจริงมาโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ด้วย แม้จะไม่มีโควตาเหลือสำหรับลูกค้าใหม่ที่อยากได้ในปีนี้แล้วก็ตาม

MINI Cooper SE สามารถส่งพละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 184 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที มอบความแรงเร้าใจใน 60 เมตรแรกได้เทียบชั้นรถสปอร์ตแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับ MINI Cooper SE โดยเฉพาะ มอบพลังงานสำหรับการขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดราว 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยตัวแบตเตอรี่ประกอบด้วยเซลล์แบตเตอรี่ Li-ion จำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 kWh ตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลัง ทำให้ MINI Cooper SE มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถและพื้นถนน MINI Cooper SE จึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่น ๆ 18 มิลลิเมตร

MINI Cooper SE ติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับรุ่น MINI Cooper SE เท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ โดยทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากเกิดการชน

MINI Cooper SE ยังมาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่เสริมความสนุกสนานขณะโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และรองรับการตั้งค่าต่าง ๆ ตามสภาวะการขับขี่และรูปแบบการขับขี่ที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล โดยมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ อีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงลดความเร็วได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งเท่านั้น

แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ภายใน 3.5 ชั่วโมง และหากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-charging จะช่วยให้สำรองพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่ง MINI Cooper SE ได้รับการออกแบบมาให้รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเพียง 36 นาที โดยรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ซึ่งจะมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฎอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกระพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ในดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่น MINI Cooper SE ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน แยกการระบายอากาศและการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสาร แผงหน้าปัดมาในดีไซน์เฉพาะรุ่นเช่นเดียวกัน โดดเด่นด้วยจอแสดงผลสีดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว ในดีไซน์ Black Panel ด้านหลังพวงมาลัย โดยอัตราความเร็วในการขับขี่จะแสดงผลทั้งในแบบตัวเลขและแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเกี่ยวกับระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง โหมดการขับขี่ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมทั้งเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้วบริเวณแผงคอนโซล รองรับการแสดงผลจากบริการ MINI Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น จอ eDrive ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือกต่าง ๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับขี่

ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมเส้นสายการออกแบบที่โดดเด่นและชัดเจน สะท้อนถึงเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตที่ล้ำสมัย ส่วนฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของมินิ 3 ประตู บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและการใช้พลังงานไฟฟ้า สัญลักษณ์นี้ยังปรากฏบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ และกระจังหน้า ซึ่งสะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้างในสีเดียวกัน สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวให้แก่ MINI Cooper SE ซึ่งมาพร้อมไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย MINI Electric Power Spoke พร้อมยางรันแฟลตที่มีเป็นพิเศษเฉพาะในรุ่น MINI Cooper SE เท่านั้น

MINI Rosewood Edition (Hatch 3 ประตู)
ราคา: 2,850,000 บาท (รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

MINI Rosewood Edition (Hatch 5 ประตู)
ราคา: 2,890,000 บาท (รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

MINI Rosewood Edition จำกัดจำนวนจำหน่ายในประเทศไทยจำกัดเพียง 30 คัน มาพร้อมสีแดง Indian Summer Red ที่มีเฉพาะในรุ่นพิเศษนี้ ด้วยงานออกแบบภายนอกที่สะกดทุกสายตาด้วยหลังคา เส้นสายบนฝากระโปรงรถ และกระจกมองข้างสีดำ ที่ตัดกับตัวถังสีแดงเมทัลลิกให้ตัวรถโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ MINI รุ่นลิมิเต็ดนี้ยังมาพร้อมไฟท้าย LED ลายธง Union Jack , กล้องแสดงภาพด้านหลัง , กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และล้อขนาด 17 นิ้วในลาย Rail Spoke 2-Tone พร้อมยางรันแฟลต , การตกแต่งภายในโดดเด่นด้วยดีไซน์พิเศษอย่างเบาะหนัง MINI Yours Leather Lounge ในสีดำ Carbon Black ชุดตกแต่ง MINI Yours Interior สีดำ Piano Black illuminated ที่พักแขนด้านหน้า เพดานหลังคาภายในสี Anthracite เบาะนั่งดีไซน์ Sport และระบบปุ่มควบคุมเกียร์แบบไฟฟ้า

MINI Rosewood Edition ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,600 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 6.7 วินาทีสำหรับ MINI Rosewood Edition แฮทช์ 3 ประตู และ 6.8 วินาทีสำหรับ MINI Rosewood Edition แฮทช์ 5 ประตู ส่วนเทคโนโลยีการขับขี่และระบบความปลอดภัยก็มากันครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้าง ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนพร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว และระบบช่วงล่างแบบ adaptive มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง

MINI Convertible Sidewalk Edition
ราคา: 3,060,000 บาท (รวมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

MINI Convertible Sidewalk Edition ผสมผสานเอกลักษณ์อันโดดเด่นและกลิ่นอายแห่งความร่วมสมัยเพื่อรังสรรค์ความแตกต่างแห่งสุนทรียะที่สะกดทุกสายตา สีฟ้าเมทัลลิก Deep Laguna แต่งแต้มตัวถังให้สะดุดตา เสริมบุคลิกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยหลังคาผ้าสี Anthracite การตกแต่งภายนอกมาพร้อมกับลวดลายเรขาคณิตแบบสะท้อนแสงชวนมอง ส่งให้เส้นสายบนฝากระโปรงรถลาย Specific พร้อมเส้น Pin lines และส่วนประกอบอื่น ๆ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งยังเสริมบุคลิกเฉพาะไม่ซ้ำใครด้วยแถบสัญลักษณ์ ‘SIDEWALK’ บริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้างและแถบทางเข้าประตูรถ ส่งให้รถยนต์มินิรุ่นพิเศษนี้แตกต่างไม่เหมือนใครขึ้นอีกขั้น

MINI Convertible Sidewalk Edition สะดุดตาด้วยล้อรถลาย MINI Yours British Spoke 2-Tone ขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับยางรันแฟลต ด้านหลังคาไฟฟ้าอัจฉริยะปรับพับได้อย่างเงียบเชียบด้วยระบบ Z-folding ได้ถึง 3 แบบ: ขึ้น ลง หรือโหมดหลังคามินิซันรูฟเพื่อรับลมเข้าสู่ห้องผู้โดยสาร โดยสามารถเปิดปิดหลังคาได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลาเพียง 18 วินาทีเท่านั้น แม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนวัสดุผ้าของหลังคารถแบบอ่อนโดดเด่นด้วยดีไซน์พิเศษที่ถักทอเป็นลวดลายเรขาคณิต เติมเต็มที่สุดแห่งการขับขี่สู่จุดหมายได้อย่างไร้ที่ติ

MINI Convertible Sidewalk Edition มอบความแรงจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,600 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic คลัทช์คู่ 7 จังหวะ พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที ทั้งยังมาพร้อมหลากหลายเทคโนโลยีการขับขี่และระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างแบบ Adaptive กล้องแสดงภาพด้านหลัง ไฟท้าย LED ลายธงยูเนียนแจ็ค พร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอีกมากมาย รวมถึงระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

ข้อเสนอพิเศษในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 41

สำหรับลูกค้ามินิที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน และรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้

  • การยกระดับ MSI Standard เป็น 7 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ทุกรุ่น
  • สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มินิทุกรุ่น ยกเว้น MINI Cooper S Couintryman Entry, MINI John Cooper Works GP และ MINI Cooper SE รับฟรี MINI Advanced Car Eye ระบบกล้องติดรถยนต์คุณภาพสูง มูลค่า 25,700 บาท*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Comments: