ไม่กี่วันก่อน BMW Group – MINI ได้ปล่อยภาพ TEASER ออกมาให้เราเห็นกันว่า ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% สำหรับ MINI นั้น ได้ถึงเวลาแล้ว และ วันนี้เอง 9 กรกฎาคม 2019 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นการ ” The new MINI Cooper SE ” ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน 100% เป็นคันแรก และ รุ่นแรกของค่าย
MINI Cooper SE เป็น MINI คันแรก และ เป็นรถเล็กพรีเมียมคันแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์แต่อย่างใด ผลิตขึ้นที่โรงงานใน Oxford สหราชอาณาจักร ภายนอกของ MINI Cooper SE ใช้โทนสีเหลืองเป็นจุดเด่นในการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นขอบกระจังหน้า, ด้านข้างตัวรถ, ฝาท้าย เพื่อให้รู้ว่า ฉันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV นะ !
อุปกรณ์มาตรฐานของ Cooper SE มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลวดลายเฉพาะรุ่น Corona Spoke สีทูโทน แบบอสมมาตร Asymmetrical design ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอมาตรวัด แบบสี ขนาด 5.5 นิ้ว หน้าจอกลางขนาดใหญ่ 8.8 นิ้ว Connected Navigation Plus และ ที่ชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging
MINI Cooper SE ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion 12 modules ขนาด 32.6 kW ติดตั้งอยู่ที่พื้นตัวถังรถ สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุด 235 – 270 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง
การติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ที่พื้นตัวถังรถ ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภายในห้องโดยสาร หรือ พื้นที่เก็บของด้านท้ายรถ เพราะ MINI Cooper SE มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 211 ลิตร และ เมื่อพับเบาะด้านหลัง เพิ่มเป็น 731 ลิตร เหมือนรุ่นครื่องยนต์ปกติ ส่วนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น 145 กิโลกรัมจากการมีแบตเตอรี่เสริมเข้ามา
เมื่อข้ามมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เห็นพละกำลังเพียงแค่ 184 แรงม้า ก็อย่างกังวลว่าจะไปช้าแต่อย่างใด เพราะ MINI เคลมตัวเลขสมรรถนะของเจ้า Cooper SE เอาไว้ดังนี้
- อัตราเร่ง 0-60 km/h ภายใน 3.9 วินาที
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
- ความเร็วสูงสุด Top Speed จำกัดเอาไว้ที่ 150 km/h
การชาร์จไฟฟ้าสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเสียบปลั๊กจากไฟบ้านปกติ Household Socket, การติดตั้งชุดชาร์จไฟ Wallbox ขนาด 11 kW หรือ แม้กระทั่งสถานีชาร์จไฟสาธารณะ รองรับการชาร์จกระแสตรง DC ได้สูงสุด 50 kW แบบ Quick Charge ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% ใช้เวลาเพียงแค่ 35 นาที หัวชาร์จแบบ Type 2 และ CCS
สำหรับพื้นตัวถังของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ใช้พื้นฐานจาก MINI Hatch 3 Door รหัสตัวถัง F56 และ ในเบื้องต้นนี้จะมีให้เลือกเพียงตัวถังเดียวเท่านั้น
สำหรับด้านความปลอดภัยของคนเดินถนนที่ EU สหภาพยุโรป ที่ประกาศว่าหลังเดือน กรกฎาคม 2019 เป็นต้นไปให้ต้องติดตั้งระบบส่งเสียงเตือนคนเดินถนน Acoustic Pedestrian Protection ทาง MINI ก็ติดตั้งมาเป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน
ด้านการขับขี่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ MINI แบบ Go-kart feeling มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ
- Sport Mode
- MID
- GREEN
- GREEN+
ความพิเศษของ MINI Cooper SE ยังมีอีกอย่างคือ คันเร่งไฟฟ้าแบบ one-pedal feeling หลักการทำงานเบื้องต้นคือ จะช่วยให้การขับขี่เวลารถติดจะช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกก็สามารถชะลอความเร็วของรถได้ โดยการผ่อนคันเร่ง
MINI Cooper SE ยังถือเป็นมินิรุ่นแรก ที่ใช้หน้าปัดแบบดิจิทัล ที่บริเวณหลังพวงมาลัย ซึ่งเป็นการเบิกทางสู่การใช้หน้าปัดดิจิทัลในลักษณะเดียวกันนี้กับมินิรุ่นอื่นๆ ในอนาคต
คาดว่า MINI Cooper SE จะเผยโฉมตัวจริงครั้งแรกในงาน IAA Frankfurt Motor Show 2019 ในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยจะวางขายในกลุ่มประเทศแรกที่มีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนมีนาคม 2020 และยังไม่มีกำหนดที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแต่อย่างใด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม เราจะอัปเดตให้ชมกันอีกครั้งครับ