หลังจากที่ MINI จัดงานเปิดตัวรถ MINI Hatch ใหม่ในรหัส F56 ไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2013 ที่ผ่านมาโดยยังไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ทดลองขับ ก็ได้ฤกษ์ยามงามดีที่ MINI จะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้มีโอกาสทดลองขับคันจริงๆ เสียที ซึ่งงานครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวในระดับ global ที่เผยสเปคของตัวรถอย่างละเอียด โดยเฉพาะตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันพร้อมราคาขายในสหรัฐอเมริกา
วันนี้ที่ประเทศเปอร์โตริโก MINI ได้จัดงาน Global Launch Event ของ 2014 MINI Hatchback อย่างเป็นทางการ โดยมีจุดประสงค์ให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้ทดลองขับ 2014 MINI Hatchback เป็นครั้งแรก มีการเตรียมรถ MINI F56 ทั้งรุ่น Cooper และ Cooper S หลากหลายออพชั่นไว้ต้อนรับ ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามของชายหาดในเมือง San Juan ประเทศ Puerto Rico
คาดว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ จะมีผลการรีวิว MINI F56 จากบรรดาสื่อมวลชนทั่วโลกออกมาให้ได้อ่านกันอย่างจุใจครับ
– AutoExpress : MINI Cooper 2014 review
– MotoringFile : 2014 MINI Cooper & Cooper S: First Driving Impressions
– MotoringFile : Review: The 2014 MINI Cooper & Cooper S
– Motoring.com.au : MINI Cooper 2014 Review
ทั้งนี้ MINI ได้เปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม ของ MINI รุ่นย่อยต่างๆ ดังนี้
MINI Cooper S:
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo
ความจุกระบอกสูบ 1,998 cc
ให้กำลังสูงสุด 141 kW/192 bhp ที่ 4,700 – 6,000 rpm
แรงบิดสูงสุด 280 Nm ที่ 1,250 – 4, 750 rpm (300 Nm with overboost)
ความเร็ว 0–100 km/h ใน 6.8 วินาที (เกียร์อัตโนมัติ 6.7 วินาที)
ความเร็วสูงสุด 235 km/h (เกียร์อัตโนมัติ 233 km/h)
อัตราสิ้นเปลือง 5.7 – 5.8 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 5.2 – 5.4 ลิตร)/100 กิโลเมตร
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 133 – 136 g/km (เกียร์อัตโนมัติ 122 – 125 g/km) ตามมาตรฐาน EU6
MINI Cooper:
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo
ความจุกระบอกสูบ 1,499 cc
ให้กำลังสูงสุด 100 kW/136 bhp ที่ 4,500 – 6,000 rpm
แรงบิดสูงสุด 220 Nm ที่ 1,250 – 4, 000 rpm (230 Nm with overboost)
ความเร็ว 0–100 km/h ใน 7.9 วินาที (เกียร์อัตโนมัติ 7.8 วินาที)
ความเร็วสูงสุด 210 km/h
อัตราสิ้นเปลือง 4.5 – 4.6 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 4.7 – 4.8 ลิตร)/100 กิโลเมตร
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 105 – 107 g/km (เกียร์อัตโนมัติ 109 – 112 g/km)
MINI One:
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo
ความจุกระบอกสูบ 1,233 cc
ให้กำลังสูงสุด 75 kW/102 bhp ที่ 4,250 – 6,000 rpm
แรงบิดสูงสุด 180 Nm ที่ 1,400 – 4, 000 rpm
ความเร็ว 0–100 km/h ใน 9.9 วินาที (เกียร์อัตโนมัติ 10.2 วินาที)
ความเร็วสูงสุด 195 km/h
อัตราสิ้นเปลือง 4.6 – 4.7 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 4.8 – 4.9 ลิตร)/100 กิโลเมตร
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 108 – 109 g/km (เกียร์อัตโนมัติ 112 – 114 g/km)
MINI Cooper D:
เครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo
ความจุกระบอกสูบ 1,496 cc
ให้กำลังสูงสุด 85 kW/116 bhp ที่ 4,000 rpm
แรงบิดสูงสุด 270 Nm ที่ 1,750 rpm
ความเร็ว 0–100 km/h ใน 9.2 วินาที
ความเร็วสูงสุด 205 km/h
อัตราสิ้นเปลือง 3.5 – 3.6 ลิตร (เกียร์อัตโนมัติ 3.7 – 3.8 ลิตร)/100 กิโลเมตร
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 92 – 95 g/km (เกียร์อัตโนมัติ 98 – 99 g/km) ตามมาตรฐาน EU6
MINI One D:
เครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo
ความจุกระบอกสูบ 1,496 cc
ให้กำลังสูงสุด 75 kW/95 bhp ที่ 4,000 rpm
แรงบิดสูงสุด 220 Nm ที่ 1,496 rpm
ความเร็ว 0–100 km/h ใน 11.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด 190 km/h
อัตราสิ้นเปลือง 3.4 – 3.5 ลิตร /100 กิโลเมตร
อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 89 – 92 g/km ตามมาตรฐาน EU6
ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok International Motor Show ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2014 นี้ ซึ่งออพชั่นและรุ่นย่อย พร้อมราคาเปิดตัวในไทย ต้องคอยติดตามรายงานของเราอย่างใกล้ชิดอีกครั้งหนึ่งครับ
