ปีนี้เป็นปีที่ฉลองครบรอบ 100 ปีของ BMW Group ครับ และ BMW Group เองก็จัดเต็มกับการเฉลิมฉลองนี้ ด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ของรถยนต์ในอนาคต ว่าในอีก 100 ปีข้างหน้า เราจะเดินทางกันด้วยวิธีไหน รถยนต์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์ VISION NEXT 100 ให้กับรถยนต์ทั้ง 4 แบรนด์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น BMW, MINI, Rolls-Royce และมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad ตลอดทั้งปีนี้
ผมอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษครับ ซึ่งได้รับเกียรติจากทาง MINI ให้เข้าร่วมงาน “Iconic Impulses. The BMW Group Future Experience.” งานเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์ MINI VISION NEXT 100 และ Rolls-Royce VISION NEXT 100 สองรถยนต์สัญชาติอังกฤษภายใต้หลังคาของ BMW Group อย่างเป็นทางการ ซึ่งงานนี้ ทาง BMW Group ไม่ได้เพียงแค่เผยโฉมรถยนต์คอนเซ็ปต์เท่านั้น แต่ได้แสดงถึงวิสัยทัศน์ว่ารถยนต์ในอนาคตจะมีรูปแบบเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีที่น่าสนใจมาก เพราะภายในงาน BMW Group ไม่มองย้อนกลับไปถึงประวัติความเป็นมา 100 ปีเลย แต่ไปโฟกัสในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 100 ปีข้างหน้ามากกว่า … สมกับเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ระดับโลกออกมาให้เราได้ใช้งานกันอย่างแท้จริงนะครับ
หลายคนสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องสนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากมายขนาดนั้น และโจทย์ของ BMW Group ในการเฉลิมฉลองครบ 100 ปี เพื่อมองไปข้างหน้าอีก 100 ปีถัดไปนั้น มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ต้องขอให้ลองดูช่วงอายุขัยของมนุษย์ที่นับวันจะอายุยืนยาวขึ้นดูครับ วันนี้เรามีคนที่มีอายุมากกว่า 120 ปีแล้ว (นั่นคือเขาเกิดมาเมื่อ 120 ที่แล้วเลยนะ) และก็มีความเป็นไปได้ว่า มนุษย์ที่จะมีอายุถึง 200 ปีน่ะ วันนี้เขาเกิดขึ้นมาแล้ว และอาศัยอยู่ร่วมโลกกับพวกเราในปัจจุบันอยู่นี่แหละ… ดังนั้นถ้าเราจะมองไปข้างหน้าอีกสัก 100 ปี ก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะมันอาจจะเป็นสิ่งที่คนในเจเนอเรชั่นอย่างผมหรือคุณผู้อ่าน จะได้สัมผัสมันก็เป็นได้นะครับ
MINI มองว่าในอนาคต การเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B นั้น เรายังคงต้องใช้ยานพาหนะอย่างรถยนต์อยู่แหละครับ แต่คอนเซ็ปต์ของ “การเป็นเจ้าของ” จะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีคอนเซ็ปต์ของ “การแชร์” หรือ Sharing Economy เข้ามามีบทบาทอย่างมาก คุณผู้อ่านต้องลองนึกภาพว่า หากในอนาคต ไม่มีรถยนต์คันไหนถูกจอดทิ้งไว้อย่างเปล่าประโยชน์เลย แต่มันจะถูกหมุนเวียนไปใช้เมื่อมีคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงต้องการ เมื่อใช้งานเสร็จ ก็ปล่อยให้คนอื่นที่ต้องการได้ใช้กันต่อไป และจะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ รถยนต์ทุกคันสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไร้คนขับ การขับเคลื่อนก็จะเกิดขึ้นจากพลังงานสะอาด … ทุกคนจะหมดปัญหาเรื่องที่จอดรถ หมดปัญหาเรื่องการเป็นเจ้าของ หมดปัญหาเรื่องการประกันภัยรถยนต์ สภาพการจราจรก็จะดีขึ้น ไม่มีปัญหาเรื่องมลพิษ สภาพอากาศก็จะดีขึ้นตามลำดับ … นี่แหละครับ คืออนาคตที่ BMW Group และ MINI วาดเอาไว้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแน่
Anders Warming หัวหน้าทีมออกแบบของ MINI ได้กล่าวในงาน Iconic Impulses ไว้อย่างน่าสนใจ ว่าถึงแม้คอนเซ็ปต์ของความเป็นเจ้าของรถยนต์ในอนาคตจะหมดไป โดยมีเรื่องของ Sharing Economy เข้ามาทดแทน แต่ว่าเอกลักษณ์ของรถยนต์แต่ละแบรนด์จะยังคงอยู่ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์หรือคาแรคเตอร์ชัดเจนอย่างมินิ ที่เป็นโจทย์ของดีไซเนอร์อย่างเขา ที่จะเป็น ‘The Future Shapers’ หรือวาดภาพรถยนต์ในอนาคต ให้ตอบรับกับความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และนี่คือผลงานของ Anders ในการสร้างสรรค์รถยนต์ MINI ในชื่อ MINI VISION NEXT 100 ครับ
MINI VISION NEXT 100.
รถยนต์ MINI VISION NEXT 100 ถูกออกแบบมาด้วยพื้นฐาน ‘Creative use of space’ ที่เป็นหลักสำคัญของการออกแบบรถยนต์ MINI มาอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งการออกแบบรถมินิแห่งอนาคตคันนี้ ที่ Anders Warming ภาคภูมิใจ ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปทั้งหมด มีความเรียบง่าย ใช้พื้นที่ทุกส่วนของรถยนต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างรูปทรงของรถยนต์ MINI VISION NEXT 100 ให้มีความล้ำยุค แต่ยังคงคาแรคเตอร์ของความเป็น MINI เอาไว้อย่างแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าทรงกลม หรือแม้กระทั่งคอนโซลวงกลมกึ่งกลางด้านในตัวรถ (central speedometer) แต่แน่นอนว่าส่วนที่ต้องเพิ่มเติมเข้ามา ก็คือคอนเซ็ปต์ที่ต้องตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต และ MINI ก็ได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นตัวชูโรงให้รถยนต์แห่งอนาคตคันนี้มีความโดดเด่นนั้นขึ้นมาครับ
นอกเหนือจากเทคโนโลยียานยนต์โดยทั่วไป อย่างเช่นการขับขี่อัตโนมัติแบบไร้คนขับ หรือการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่ไร้การปล่อยมลพิษที่รถยนต์แห่งอนาคตคันอื่นๆ ทั่วไปพึงมีแล้ว ทาง MINI ได้ให้นิยามของรถยนต์คันนี้ว่า “Every MINI is my MINI” ซึ่งตรงตามเทรนด์ sharing economy เพื่อแชร์การใช้งานรถยนต์ร่วมกันในสังคม แบบที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่ MINI VISION NEXT 100 คันนี้จะปรับเปลี่ยนสภาพของตัวมันเองให้เหมาะสมกับคนที่เรียกใช้รถยนต์มินิคันนี้ ตามคาแรคเตอร์ที่แต่ละคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสนิยม ลวดลายบนตัวรถ สีสัน รูปแบบการขับขี่ ที่ผู้เรียกใช้งานสามารถกำหนดโปรไฟล์รถยนต์มินิที่ตัวเองชื่นชอบเอาไว้ได้ล่วงหน้า และรถยนต์คันนี้ก็จะปรับเปลี่ยนไปตามโปรไฟล์นั้นเมื่อมารับเรานั่นเอง
ความเก๋ไก๋ของรถยนต์คันนี้ คือเราจะได้รับความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของอย่างมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการทักทายด้วยชื่อของเราเมื่อรถมารับ หรือการตกแต่งลวดลายต่างๆ ที่เราสามารถกำหนดได้เฉพาะตัว ไม่ซ้ำแบบใคร และมันก็จะถูกคืนค่ากลับไปเป็นปกติเมื่อเราใช้งานมันเสร็จสิ้น พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนไปเป็นโปรไฟล์ของผู้ใช้งานคนถัดไปที่จะเรียกมันไปใช้งาน
คอนเซ็ปต์นี้ จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า sharing economy ไปพร้อมๆ กับความดั้งเดิมของตำนานรถยนต์มินิ ที่ให้ความรู้สึกเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ ให้คาแรคเตอร์ของรถยนต์ที่มีความชัดเจน มีเอกลักษณ์ เกิดความแตกต่างจากคนอื่นๆ และมีความเชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้ขับขี่อย่างที่ MINI ให้กับลูกค้ามาอย่างยาวนาน
นอกจากที่รถยนต์ MINI VISION NEXT 100 จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนให้ไอเดียของ sharing economy เกิดขึ้นได้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพัฒนาคู่ขนานกันไปด้วย เช่นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างรถยนต์แต่ละคัน และ การติดต่อสื่อสารกันระหว่างรถยนต์กับคน ที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของ future mobility เกิดขึ้นได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจำเป็นต้องเกิดจากการพัฒนาของหลายฝ่าย ทั้งผู้ผลิตรถยนต์อย่าง BMW Group เอง, ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์, ระบบพื้นฐานของเมืองนั้นๆ ถนนหนทาง ไปจนถึงผู้คนที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และคาดว่าน่าจะต้องค่อยๆ ใช้เวลาปรับตัวกันอีกนานหลายสิบปีครับ
คุณผู้อ่านเอง คิดเห็นอย่างไรบ้าง วันนั้นจะยังมีรถยนต์แบบที่เราเห็นอยู่หรือไม่ หน้าตาจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ BMW Group วาดไว้แค่ไหน หรือมันจะบินได้ไหม? ล้ำยุคไปมากกว่านี้ไหม? ลองนึกภาพกันดูนะครับ
