รีวิว MINI John Cooper Works Convertible มินิเปิดประทุนตัวแรง สนุกทั้ง On Track และ On Road

สวัสดีแฟนๆ มินิครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชม MINI John Cooper Works Convertible รถมินิเปิดประทุน สายพันธุ์แรงในตระกูล JCW ที่ใครเห็น ก็ต้องตกหลุมรัก แถมมันไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่มันยังเป็นมินิที่สมบูรณ์แบบทั้ง On Track และ On Road อีกด้วย

มินิ ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัว MINI JCW Convertible ไปแล้ว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเปิดราคาขายที่ 3,468,000 บาท เพิ่มตัวเลือกของมินิสายพันธุ์แรง ให้มีโฉมตัวถังเปิดประทุนเป็นครั้งแรก ซึ่งทางมินิ ประเทศไทย ก็ได้เลือกสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสถานที่จัดงานเปิดตัว เพื่อให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสทดลองขับเจ้ามินิตัวแรงนี้ ในสนามแข่งรถ และได้รีดประสิทธิภาพของมินิ สายพันธุ์ John Cooper Works กันอย่างเต็มที่

MINI John Cooper Works Convertible

เจ้า MINI JCW Convertible คันนี้ ยังคงใช้พื้นฐานของ MINI Convertible รหัสตัวถัง F57 ซึ่งมีรูปลักษณ์และอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐานใกล้เคียงกันอย่างมากครับ โดยมันยังคงมีความสดใหม่มากๆ เพราะ MINI เพิ่งจะทำการปรับโฉม LCI เมื่อต้นปี 2018 นี้เอง นำเอกลักษณ์ที่เพิ่งถูกปรับแต่งมาอยู่ในรุ่น JCW Convertible ใหม่นี้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบวงแหวนเต็มวง, ไฟท้ายลวดลาย Union Jack, โลโก้ MINI แบบใหม่ และทริมขอบสีดำ Piano Black Exterior ล้อมรอบอุปกรณ์ต่างๆ รอบคัน เสริมความดุดันได้เป็นอย่างดี

MINI ในโมเดลของ John Cooper Works ยังมาพร้อมกับชุดแต่งรอบคันแบบสปอร์ต ชุดแอโร่ไดนามิกแบบเดียวกับที่อยู่ใน MINI JCW Hatch ที่เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาแฟนๆ มินิกันเป็นอย่างดี เพราะได้ใช้ชุดแอโร่คิตหน้าตาแบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว รวมถึงการตัดทริมสีแดงทั้งเส้นขวางกระจังหน้า และกระจกมองข้าง และ ชุดเบรกสปอร์ตสีแดง ที่ทำให้ MINI JCW นั้นได้ลุคสปอร์ตขึ้นอีกเป็นกอง

นอกจากนี้ MINI JCW Convertible ที่ปรับโฉม LCI มาใหม่นี้ ยังมีอุปกรณ์ตกแต่งที่เหนือกว่าในรุ่น MINI Cooper S Convertible หลากหลายอย่าง เช่น ไฟหน้าแบบ LED Matrix สามารถตั้งไฟสูง และเลือกตัดไฟสูงบางส่วนเพื่อไม่ให้รบกวนสายตารถยนต์ที่ขับสวนมาได้อย่างอัตโนมัติ, ระบบช่วงล่างแบบ adaptive ที่ปรับความแข็งได้จากโหมดการขับขี่แบบ SPORT, ชุดเกียร์อัตโนมัติ 8-สปีด Steptronic Sport และแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging ที่บริเวณที่วางแขน

MINI John Cooper Works Convertible ยังมาพร้อมหลังคาแคนวาส ลวดลาย Union Jack อย่างสวยงาม และสามารถเปิดปิดหลังคาได้ในระยะเวลาเพียง 18 วินาที รวมถึงสามารถเปิดปิดได้ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย

ส่วนการรองรับอนาคต MINI JCW Convertible คันนี้ มีระบบ MINI Connected พร้อมระบบ Teleservices ที่สามารถเรียกระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และรองรับ Apple CarPlay อย่างที่ BMW Thailand ได้เปิดตัวไปกับระบบ ConnectedDrive ไปแล้ว ซึ่งทางมินิ ประเทศไทย จะเปิดให้ใช้งาน MINI Connected ในไทยในปี 2019 ครับ (คนที่ซื้อรถในปีนี้ จะสามารถใช้งานได้เมื่อระบบพร้อมเปิดให้บริการ)

On Track!

ไฮไลต์จริงๆ ของ MINI ในรุ่น John Cooper Works ก็คงจะเป็นเรื่องของความแรงแบบสุดขั้วของ MINI ครับ เพราะนี่คือรุ่นเครื่องยนต์ที่ท็อปที่สุดของไลน์อัพมินิในปัจจุบัน ด้วยเครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ 231 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ที่สามารถรีดคาแรคเตอร์ความจี๊ดจ๊าดของ MINI ออกมาได้อย่างเต็มที่ และเป็นโฉมตัวถังที่ใกล้เคียงกับ MINI Hatch แบบออริจินัลดั้งเดิม ที่ดึงฟิลลิ่งของการขับโกคาร์ตออกมาให้แฟนๆ มินิได้ประทับใจได้อย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นี่เป็นครั้งแรกครับ ที่ผมได้มีโอกาสนำรถ MINI เข้ามาขับในสนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่างสนามช้าง อินเตอร์เนเชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีทางตรงยาวที่สามารถทำความเร็วได้สูงมาก แทร็กกว้าง มีโค้งที่ท้าทายหลากหลายโค้ง รองรับได้ถึงระดับรถแข่งรายการใหญ่ๆ และรถซูเปอร์คาร์ต่างๆ จนผมแอบนึกไปก่อนว่า รถ MINI อาจจะขับในสนามนี้ไม่สนุกเท่าที่ควร เพราะตัวเลข 231 แรงม้า กับสนามแข่งรถระดับนี้ อาจจะดูน้อยไปเสียหน่อย

แต่ความคิดนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็วครับ ตั้งแต่ผมได้เริ่มขับ MINI John Cooper Works Convertible ยังไม่จบรอบสนามดี เพราะฟิลลิ่งที่ MINI บรรจงสร้างให้กับผู้ขับขี่ ‘JCW’ รถเล็ก พันธุ์แรงในสนามแข่งนั้น มันยอดเยี่ยมมากๆ บวกกับชุดเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8-สปีด ที่เพิ่งปรับปรุงมาใหม่ มันดึงกระชากได้สะใจกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดในโหมด SPORT รวมกับเสียงจากท่อไอเสียคู่ ที่หวานมากๆ เมื่อรอบเครื่องดันขึ้นไปแตะเกือบถึงเส้นสีแดง

สิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผมได้มากที่สุดกับรถคันนี้ ไม่ใช่ความเร็วหรือความแรงของมัน เพราะรถ MINI JCW ความแรง 231 แรงม้านั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีมาให้เราได้ขับกันหลายปีแล้ว แต่กลับเป็นช่วงล่างของ MINI Convertible คันนี้ ที่โดยปกติแล้วรถเปิดประทุน จะมีข้อจำกัดของช่วงล่างค่อนข้างมาก จากการถูกเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม (เพราะไม่สามารถยึดความแข็งแรงของตัวถังผ่านโครงสร้างหลังคาได้) และมักส่งผลให้การขับขี่ในย่านความเร็วสูง รวมถึงการเข้าโค้งด้วยความเร็วอย่างการขับในสนามแข่ง ออกมาไม่น่าประทับใจมากนัก แต่รถคันนี้ สามารถทำได้ดีมากๆ จนมีความใกล้เคียงกับรถ MINI ในโฉม Hatch เลยทีเดียว และจัดให้เป็นหนึ่งในรถเปิดประทุนที่ขับดีที่สุดในสนามแข่งเลยล่ะครับ

หลังจากได้ขับอยู่หลายรอบสนามใหญ่ ยิ่งได้ความสนุกและประทับใจกับสมดุลของรถคันนี้มากครับ มันบาลานซ์กันได้ลงตัวระหว่างพละกำลัง และช่วงล่าง ที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจได้อย่างมากในสนามแข่ง แม้ในย่านความเร็วสูง และการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ที่ทำให้เรารู้สึกได้บ่อยครั้งว่า ความเร็วขนาดนี้ กับโค้งแบบนี้ มันไม่น่าจะเอาอยู่ แต่เมื่อหักพวงมาลัยดันเข้าโค้งไป รถกลับเข้าไปได้อย่างเฉียบคม ส่วนทางตรงยาวๆ ที่ทำความเร็วได้เฉียดๆ 200 km/h เมื่อสุดทางตรงแล้วกระทืบเบรกลงไป ท้ายมีอาการดิ้น เรียกร้องความสนใจจากเราบ้าง แต่หน้ารถยังคงจิกพื้นแทร็กดีมาก จนเรียกว่า ยิ่งได้ขับ ยิ่งมั่นใจในสมรรถนะของมันมากขึ้นทุกรอบสนามที่ผ่านไปครับ ฟีลลิ่งแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ กับการขับขี่ในสนามแข่งนะครับ

ในวันนั้น ผมมีโอกาสได้ขับรถ MINI John Cooper Works ครบทั้งตระกูลในไลน์อัพปัจจุบัน ทั้ง 4 รุ่นเลยครับ คือ Hatch (F56), Convertible (F57), Clubman (F54) และ Countryman (F60) โดยทุกรุ่นนั้นมีพละกำลังเท่ากันที่ 231 แรงม้า แต่มีความแตกต่างที่ Clubman และ Countryman จะเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 นั่นเอง …. โดยรถรุ่นที่สร้างความประทับใจให้กับผมมากที่สุดในการ On Track วันนั้น ก็คือเจ้า MINI JCW Convertible นี่แหละครับ สวยกินขาด และยังขับสนุกมากๆ ชนิดที่ยังจำความประทับใจได้อย่างแม่นยำทุกโค้งในสนามเลยทีเดียว

On Road

แน่นอนว่าในสนามแข่ง เป็นเรื่องของการรีดเอาประสิทธิภาพสูงสุดของรถคันนี้ออกมา แต่ในชีวิตจริง คงไม่มีใครได้เอา MINI ลงไปขับในสนามแข่งทุกวันครับ ผมเลยได้นำ MINI John Cooper Works Convertible คันนี้มาทดสอบในชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ครับ จากจุดเด่นอีกอย่างของเจ้ามินิเปิดประทุนคันนี้ นั่นก็คือ … มันสวยครับ!

ต้องยอมรับเลยว่า ความลงตัวของชุดแต่ง JCW รอบคัน กับมินิทรงเปิดประทุน และไฟท้ายลาย Union Jack ชุดนี้ มันเข้ากันอย่างมาก และเด่นสะดุดตาบนท้องถนนมากๆ ครับ แม้ว่าจะขับเปิดประทุน หรือขับในเมืองแบบปิดหลังคาไว้ก็ตาม นานแล้วที่ผมไม่ได้รับประสบการณ์มีผู้คนในลานจอดรถทักว่า “รถสวยมากครับ” แต่ MINI JCW Convertible คันนี้ กลับมาให้ประสบการณ์นี้อีกครั้ง บางวันมีคนทัก 3-4 คนเลยนะครับ จากที่ผมทดสอบมินิมาหลายโมเดล เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาจริงๆ

ความคล่องตัวของ MINI ในรูปโฉมเปิดประทุนนี้ มีมิติตัวถังเท่ากับโฉม Hatch ทุกประการครับ มีความคล่องตัวสูง บวกกับพละกำลังที่มีพร้อมให้ใช้งานได้ตลอดเวลาที่ต้องการ จี๊ดจ๊าดมากในจังหวะเปลี่ยนเลนตามสไตล์ MINI ที่ทำให้แฟนๆ มินิหลงรักและชื่นชอบความคล่องตัวอย่างมาก พวงมาลัยเฉียบคม ที่คันนี้ให้มาอย่างครบถ้วนจริงๆ ครับ

ในมุมของความสะดวกสบาย ที่หลายคนถามหานั้น ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า MINI ไม่ใช่รถที่จะมอบความสะดวกสบายให้ท่านได้สักเท่าไรนัก เพราะมันเป็นรถที่เน้นขับสนุก คล่องตัว และโดยเฉพาะในโมเดลของ John Cooper Works นั้นให้ฟิลลิ่งการขับขี่ที่แรงสะใจ ถึงอย่างไรก็ตาม MINI คันนี้ ก็มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่มาแบบเต็มที่นะครับ ครบทั้งกล้องมองหลัง ชุดเครื่องเสียง harman/kardon ระบบแผนที่นำทาง และ หน้าจอ MINI Connected ขนาด 8.8 นิ้วรองรับ Touch Screen เป็นที่เรียบร้อย

สรุป

คงไม่เกินความจริง ถ้าผมจะบอกว่า MINI John Cooper Works Convertible โฉมล่าสุดนี้ เป็นรถ MINI ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดคันหนึ่ง ในไลน์อัพปัจจุบันของ MINI ครับ มันลงตัวมากๆ ทั้งรูปลักษณ์หน้าตา ที่ปรับปรุงเสริมรายละเอียดต่างๆ เพิ่มความน่ารัก แฝงด้วยความดุดันขึ้นมามาก , ความโดดเด่นของมินิที่เปิดประทุนได้ , ออพชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครันมากขึ้น และ พละกำลัง ที่ให้ความสนุกกับผู้ขับขี่ได้ทั้ง On Track และ On Road

ข้อจำกัดของรถคันนี้ จากที่ผมได้ใช้งานจริงมากว่าหนึ่งสัปดาห์ ก็พบว่าเป็นเรื่องของข้อจำกัดพื้นฐานของรถเปิดประทุนหลังคาซอฟต์ท็อปนั่นแหละครับ นั่นคือเสียงรบกวนที่ได้ยินเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างมาก (แต่ก็ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนเยอะแล้วนะ) , ความร้อนจากไอแดดในยามกลางวันที่ทะลุผ่านผ้าหลังคาเข้ามาจนต้องเปิดแอร์แรงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย และ พื้นที่เก็บของด้านท้ายรถ ที่มีค่อนข้างจำกัดมาก แม้ว่า MINI จะมีฟีเจอร์ Easy Load มาช่วยในการหยิบของเข้าออกฝากระโปรงท้ายได้ง่ายกว่าเดิมแล้วก็ตามที รวมถึงที่นั่งของผู้โดยสารแถวหลัง ถูกเบียดบังจากพื้นที่พับหลังคาตอนท้ายของรถ ทำให้องศาของเบาะนั่งค่อนข้างชัน จึงทำให้ MINI Convertible อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับการโดยสารมากกว่า 2 ที่นั่งเท่าไรนัก

คิดรวมๆ กันแล้ว หากแฟนๆ มินิท่านไหน ที่ดูแล้วยอมรับข้อจำกัดต่างๆ เหล่านี้ได้ และกำลังมองหา MINI เปิดประทุนเท่ๆ เอาไว้ครอบครองสักคัน นี่คือคันที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วตั้งแต่ MINI ได้ทำรถเปิดประทุนมาครับ

มินิ ประเทศไทย เปิดราคา MINI John Cooper Works Convertible ที่ราคา 3,468,000 บาท ราคานี้รวมแพ็กเกจ MINI Service Inclusive (MSI) Standard ครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทางแล้ว

พบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ

บทความโดย:
อู๋ spin9

ขอขอบคุณ:
มินิ ประเทศไทย

Comments: