MINI Clubman ใหม่ ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการไปแล้วในงาน IAA Frankfurt Motor Show 2015 ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาครับ และผมเองก็ได้ไปสัมผัสคันจริงมาแล้วตั้งแต่เปิดผ้าคลุมเลย วันนี้เลยจะพาแฟนๆ มินิ มาพรีวิวเบื้องต้นกันก่อน ว่า MINI Clubman ใหม่ คันจริงนั้น มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
ในงาน IAA Frankfurt ปีนี้ ทาง MINI ได้จัดแสดง MINI Clubman ใหม่เอาไว้ 4 คันครับ โดยแต่ละคันก็มีออปชั่นที่แตกต่างกันไป มีการโชว์ทั้งสีตัวถังใหม่ 2 สี คือ สีแดง Pure Burgundy และสีเงิน Melting Silver ที่สวยบาดใจทั้งสองสี และยังคงมีให้เลือกเฉพาะใน MINI Clubman เท่านั้น
อีกคันเป็นสีน้ำเงิน Lapisluxury Blue ที่เป็นสีเฉพาะของโปรแกรม MINI Yours
ส่วนคันสุดท้าย เป็นสีน้ำเงิน Deep Blue ครับ จอดอยู่บริเวณชั้นบนของบูธ MINI ทำให้หลายคนที่มาร่วมงาน พลาดที่เห็นคันนี้ ถ้าไม่ได้สำรวจให้ทั่วทั้งบูธ
Exterior
ถ้าสังเกต จะเห็นว่าภายนอกของ MINI Clubman นั้น ดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่า F56 / F55 พอสมควร จากความกว้างของตัวรถที่มากกว่าเดิมถึง 9 เซนติเมตร ส่งผลให้กระจังหน้ารถ รวมถึงบริเวณกันชน มีพื้นที่ให้เล่นกับช่องดักอากาศมากขึ้น มิติของตัวรถโดยรวมดูลงตัว และไม่มีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำกันชนหน้าแบบปากยื่น เหมือนกับในรุ่น Cooper S ใน F56 อีกแล้ว
MINI Clubman นี้ครั้งแรกของรถ MINI ที่มีช่องระบายอากาศบริเวณซุ้มล้อ หรือ Air Curtain ครับ (ตามรอย BMW ที่ใช้อยู่หลากหลายรุ่น) ถูกออกแบบให้มีเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยระบายความร้อนที่บริเวณเบรกของล้อหน้าได้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นจุดที่เพิ่มความสปอร์ตให้กับเส้นสายของตัวรถได้ไม่เบาเลยทีเดียว
ครั้งแรกของ MINI Clubman อีกเช่นกัน ที่ MINI ตัดสินใจขยายขนาดตัวรถให้ยาว เพื่อเติมประตูสำหรับผู้โดยสารแถวหลังแบบ full size ขึ้นลงสะดวกทุกที่นั่ง แต่ก็ทำให้ตัวรถมีความยาวที่มากกว่ารุ่น Hatch ถึง 27 เซนติเมตร และความยาวโดยรวมยาวกว่า MINI Countryman เสียอีก
ฝากระโปรงท้าย ที่โดดเด่นอย่างมากใน MINI Clubman ใหม่ มีการเปลี่ยนไฟท้ายมาใช้ในลักษณะแนวนอน พร้อมตัวอักษร Clubman เรียงตัวคล้ายคลึงกับ Countryman และ Paceman ปัจจุบัน การเปิดฝากระโปรงท้าย ยังเป็นแบบตู้กับข้าว (หรือบางคนอาจจะเรียกว่าแบบรถพยาบาล) โดยต้องเปิดบานขวาก่อนเสมอ ถึงจะเปิดออกได้
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ต้องบอกเลยว่า มีมาให้อย่างมหาศาล จุใจ เก็บได้เยอะสุดๆ ชนิดไม่มีกั๊ก ตัวเลชขที่มินิเคลมไว้คือมีพื้นที่มากถึง 360 ลิตร และหากพับเบาะหลัง ก็จะเก็บได้มากถึง 1,250 ลิตร ผมมาดูของจริงแล้ว ต่อให้นั่งเต็มทุกที่นั่ง ก็สามารถเก็บกระเป๋าของทุกคนเพื่อไปทริปต่างจังหวัด 3-5 วันกันได้แบบสบายๆ
Interior
ภายในของ MINI Clubman มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากครับ จากขนาดของตัวรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ภายในก็เลยกว้างขึ้นตามไปด้วย จุดหลักเลย คือส่วนของคอนโซลหน้ารถ ที่มีการออกแบบใหม่ แตกต่างจากรุ่น Hatch หลากหลายจุด
หน้าจอตรงกลางรถ ถึงแม้จะยังคงใช้หน้าจอขนาดเท่าเดิม แต่ถ้าสังเกตบริเวณด้านข้าง และช่องแอร์ จะมีดีไซน์ที่เปลี่ยนไป ทิ้งพื้นที่ให้กับเส้นสายต่างๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของปุ่มปรับแอร์ และสวิตช์ต่างๆ ที่มีความลงตัวอย่างมากใน Clubman ตัวนี้
MINI Clubman ใหม่ เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่ไม่ใช้เบรคมือแบบดึงแล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้เบรคมือไฟฟ้า เป็นสวิตช์เล็กๆ แทน วางตัวอยู่ด้านข้าง Controller กึ่งกลางของตัวรถ
ขอบประตูของ Clubman มีความหนาขึ้น โดยปล่อยให้เป็นพื้นที่ในการเก็บของที่ช่องข้างประตูเยอะขึ้นกว่าเดิม สามารถใส่ขวดน้ำลงไปได้เลยทั้งขวด
ผู้โดยสารแถวหลัง ขึ้นลงได้สบายมากๆ (ส่วนตัวแล้วผมว่ามันขึ้นลงได้ง่ายกว่า Countryman อีก เพราะตัวรถเตี้ยกว่า และพื้นที่ขึ้นลงก็มีแบบเหลือเฟือเลย) ลองนั่งดูแล้ว โดยสารได้สบายแบบไม่อึดอัด แต่จะกระด้างแค่ไหน ต้องรอผลหลังจากได้ทดลองขับก่อนนะครับ
อีกหนึ่งส่วน ที่ขัดใจแฟนๆ MINI พันธุ์แท้แน่นอน ก็คือสิ่งนี้แหละครับ ครั้งแรกของ MINI ที่มีออปชั่นเบาะปรับไฟฟ้า (แบบมี memory ด้วย) หลังจากที่เป็นแบบปรับมือมาทุกรุ่น มาถึง Clubman ตัวใหม่ มีตัวเลือกของเบาะปรับไฟฟ้าแล้วนะ ถึงจะสูญเสียความคลาสสิคไป แต่ก็ได้ความสบายคืนกลับมา (ตอนนี้ออปชั่นเบาะปรับไฟฟ้า ยังคงมีเฉพาะใน Clubman ก่อนครับ ยังไม่ลามไปรุ่นอื่น)
Wrap Up
วันนี้ได้พรีวิว MINI Clubman กันไปแบบ walkthrough นะครับ รายละเอียดเต็มๆ จะตามมาอีกครั้งอย่างแน่นอนเมื่อได้ทดลองขับจริง ซึ่งตอนนี้ทาง MINI UK ได้เคาะวันวางจำหน่ายในอังกฤษออกมาแล้ว ว่าจะเริ่มจำหน่าย MINI Clubman ใหม่ในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ส่วนในประเทศไทย ก็ได้รับการยืนยันจากทางมินิ ประเทศไทยแล้วเช่นกัน ว่าจะนำเข้ามาจัดแสดงในงาน Motor Expo ปลายปีนี้อย่างแน่นอน แต่ยังอุบเรื่องของออปชั่น และราคาอยู่ครับ แฟนๆ มินิในไทย ต้องอดใจรอชมคันจริงที่งาน Motor Expo ปลายปีนี้นะครับ
