MINI ประกาศเปิดสายการผลิตรถ New MINI โฉมใหม่ที่โรงงาน MINI Plant Oxford อย่างเป็นทางการ ขยายกำลังการผลิต เพิ่มหุ่นยนต์มากกว่า 1,000 ตัวรองรับ MINI เจเนอเรชั่นล่าสุด
ในโอกาสที่ผมได้เข้าร่วมงาน World Premiere New MINI F56 ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ ณ โรงงาน MINI Plant Oxford บ้านเกิดของแบรนด์มินิที่มีประวัติอันยาวนาน โรงงานแห่งนี้เพิ่งฉลองครบรอบ 100 ปีไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงวันเปิดตัว New MINI ยังตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ Sir Alec Issigonis ผู้ให้กำเนิดแบรนด์มินิอีกด้วย จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทาง MINI จะเปิดโรงงานให้ได้ชมสายการผลิตรถยนต์ MINI ที่นับถึงวันนี้ มีรถยนต์ MINI กว่า 2.4 ล้านคันถูกผลิตจากโรงงานแห่งนี้ โลดแล่นอยู่บนถนนของมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
โรงงาน MINI Plant Oxford เป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์ MINI ในประเทศอังกฤษ โดยการผลิตรถยนต์ MINI มีการใช้โรงงานทั้งสิ้น 3 โรงงาน หรือที่ MINI เรียกว่า MINI Production Triangle ประกอบด้วยโรงงาน BMW Plant Hams Hall ผลิตเครื่องยนต์, โรงงาน Swindon ผลิตตัวถังและทำการประกอบบางส่วน จากนั้น ชิ้นส่วนทั้งหมดจะมารวมกัน เพื่อผลิตเป็นรถยนต์ MINI ที่โรงงาน MINI Plant Oxford ที่ถือเป็นบ้านเกิดของรถยนต์ MINI
ส่วนแรกที่ MINI เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปชม คือโรงงานใหม่ล่าสุดที่เพิ่งทำการขยายพื้นที่รวมกว่า 100,000 ตารางเมตร รองรับหุ่นยนต์ใหม่มากกว่า 1,000 ตัว เพื่อทำการผลิตรถ New MINI F56 ซึ่งไม่รวมกับพื้นที่ในการผลิตรถ MINI ในเจเนอเรชั่นเดิม ที่โรงงานแห่งนี้ได้ทำการผลิต MINI มากถึง 6 โมเดล คือ Hatch, Convertible, Clubman, Clubvan, Coupe และ Roadster
หุ่นยนต์ใหม่ที่ทำการผลิตรถยนต์ New MINI F56 ต้องทำการเชื่อมจุดต่างๆ บนตัวถังมากถึง 6,000 จุดบนรถ MINI หนึ่งคัน ใช้ความร้อนในการเชื่อมแต่ละจุดประมาณ 1,500 องศาเซลเซียส มีความแม่นยำอยู่ในระดับ ±0.05 มิลลิเมตร หรือเพียงครึ่งหนึ่งของความกว้างของเส้นผมมนุษย์เท่านั้น
ภาพที่เห็นคือหุ่นยนต์ชุดใหม่ สำหรับการประกอบ F56 โดยเฉพาะ ซึ่งจากที่ได้เดินดู ผมได้เห็นรหัส F54 (New Clubman) และ F55 (Hatchback 5 ประตู) จากชิ้นส่วนอะไหล่และสายการผลิตด้วย ที่คาดว่าจะคลอดตาม MINI F56 ออกมาแบบติดๆ ซึ่งทั้งหมดจะถูกประกอบขึ้นในพื้นที่ใหม่ของโรงงาน MINI Plant Oxford แห่งนี้
จากขั้นตอนของการเชื่อมตัวถัง (body shop) ก็จะถูกส่งต่อมายังส่วนของการพ่นสี (paint shop) ที่มีพื้นที่ของโรงพ่นสีรวมทั้งสิ้น 38,430 ตารางเมตร นับเป็นโรงพ่นสีรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร มีความยาวของสายพานในขั้นตอนการพ่นสีถึง 14 กิโลเมตร มีรถยนต์ MINI อยู่บนสายพานได้พร้อมกันทั้งหมด 620 คัน รองรับจำนวนสีของรถ MINI ที่แตกต่างกันถึง 14 สี และสีหลังคาอีก 4 สี ซึ่งถือว่าเป็นโรงพ่นสีรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกครับ
นอกจากส่วนที่ขยายมาใหม่แล้ว ทาง MINI ยังเปิดสายการผลิต MINI ในเจเนอเรชั่นปัจจุบันให้เราได้ชมกันด้วย ซึ่งยังคงเห็น MINI ทำการผลิตทุกโมเดล รวมถึง R56 ที่ยังคงเดินสายการผลิตปกติ แต่จะค่อยๆ ถูกทดแทนด้วย F56 หรือ MINI รุ่นใหม่ที่เพิ่งทำการเปิดตัววันนี้ต่อไป นอกจากนี้ เรายังได้เห็นส่วนที่ MINI ได้จัดเตรียมไว้สำหรับเทรนพนักงาน ในการประกอบ F56 รุ่นใหม่ด้วย เพราะ MINI ใหม่ ไม่มีการใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกับรุ่นเดิมเลย พนักงานที่ทำหน้าที่ประกอบจึงต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด
BMW Group ได้ลงทุนกับโรงงานในสหราชอาณาจักรด้วยเม็ดเงินมหาศาลถึง 1,750 ล้านปอนด์ตั้งแต่ปี 2000 และได้ลงทุนกับการขยายและปรับปรุงเพิ่มเติมอีก 750 ล้านปอนด์ระหว่างปี 2012 – 2015 ทำให้กำลังการผลิตของโรงงาน MINI Plant Oxford ปัจจุบันทำได้สูงสุดถึง 900 คันต่อวัน หรือเฉลี่ยคันละ 68 วินาที มีพนักงานมากกว่า 4,000 คน ทำงานสองกะ ถือเป็นโรงงานรถยนต์ในสหราชอาณาจักรที่มีกำลังผลิตสูง โดย MINI ที่ผลิตจากโรงงานนี้ คิดเป็น 14% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ส่งออกจากโรงงานในสหราชอาณาจักรเลยทีเดียว
ในฐานะแฟนตัวยงของ MINI ต้องบอกว่า ประทับใจกับระบบสายการผลิตของโรงงาน MINI Plant Oxford บ้านเกิดของ MINI แห่งนี้เป็นอย่างมากครับ ผมเองเพิ่งมีโอกาสได้เยี่ยมชมโรงงาน BMW Plant Munich ที่ทำการประกอบรถยนต์ BMW ซีรีย์ 4 และซีรีย์ 3 ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทุกขั้นตอนของสายการผลิตถูกควบคุมด้วยมาตรฐานเดียวกับ BMW Group ที่ได้ใช้หุ่นยนต์และเทคโนโลยีล่าสุดมาช่วยในการผลิตรถยนต์ จึงให้ความมั่นใจกับผู้ใช้รถได้ว่า รถทุกคันจากสายการผลิตมีมาตรฐานที่ดี และยังรองรับกำลังการผลิตที่สูงขึ้นตามความต้องการของตลาดโลกได้อีกด้วย
