เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2013 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ประกาศขยายสายการประกอบรถยนต์ MINI Countryman มายังโรงงาน BMW Manufacturing ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับเป็นการนำรถ MINI เข้ามาประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ราคาขาย MINI Countryman ปรับลดลงทันที 7-8 แสนบาท และทำให้ MINI Countryman เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดประเทศไทยทันที
MINI Countryman เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Geneva Motor Show ปี 2010 ซึ่งถือเป็น MINI คันแรกที่มี 4 ประตู, มีความยาวมากกว่า 4 เมตร และมีออพชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นการบุกเบิกเซคชั่นใหม่ของ MINI อย่างเต็มตัว สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น มีความเอนกประสงค์ในการใช้งานสูงกว่ารถ MINI ในตัวถัง Hatch แบบดั้งเดิม สวนทางกับทุกค่ายรถในช่วงนั้น ที่พยายามออกแบบให้รถในค่ายของตนเองมีขนาดที่เล็กลง แต่ MINI Countryman ก็กลายมาเป็น MINI โฉมที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับสอง รองจากตัวถัง Hatch ทันทีหลังจากเปิดตัวจนมาถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ MINI Countryman ถือเป็น MINI รุ่นแรก ที่ไม่ได้ผลิตที่โรงงาน MINI Plant Oxford ประเทศอังกฤษ แต่ถูกผลิตที่โรงงานของ Magna Steyr เมือง Graz ประเทศออสเตรียตั้งแต่แรกเริ่ม จากนั้นในเดือนเมษายน 2013 ก็ได้ขยายฐานการผลิตมาที่โรงงานของ BMW Group ที่เชนไน ประเทศอินเดีย และล่าสุด เดือนสิงหาคม 2013 ขยายสายการประกอบ MINI Countryman มายังโรงงาน BMW Manufacturing จังหวัดระยอง ประเทศไทยของเรา เพื่อป้อนให้กับความต้องการในประเทศโดยเฉพาะ (ไม่มีการส่งออก)
แท้ที่จริง MINI Countryman ได้มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ทั้งจากการนำเข้าจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และจากผู้นำเข้าอิสระจำนวนมาก MINI Countryman จึงไม่ใช่รถรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว แต่ที่ต้องหยิบมารีวิวให้ชมวันนี้ เพราะนี่คือ MINI Countryman ที่ออกจากสายการประกอบในประเทศไทย ที่แฟนๆ MINI ในไทยต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากนั่นเองครับ
MINI Countryman คันที่รีวิวให้ชมวันนี้ เป็นรุ่น MINI Cooper SD ALL4 Countryman เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร มีออพชั่น ALL4 ขับเคลื่อนสี่ล้อ สีแดง Blazing Red ซึ่งเป็น MINI Countryman รุ่นออพชั่นสูงสุดในบรรดารุ่นย่อย 5 รุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้
การออกแบบ
MINI Countryman เป็นโมเดลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์ MINI ที่มีพร้อมกับความยาวตัวถัง 4,110 มิลลิเมตร ยาวกว่าตัวถัง Hatch (R56) ถึง 381 มิลลิเมตร มีความกว้าง 1,995 มิลลิเมตร และสูง 1,561 มิลลิเมตร ถือเป็นรถ Compact SUV เต็มตัวแบบไม่มีกั๊ก โดย MINI Countryman ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ถึงความเป็นตัวตนในแบรนด์ MINI ที่ดูเหมือนจะเริ่มสูญเสียเอกลักษณ์ของคำว่า “มินิ” ด้วยขนาดรถที่ใหญ่กว่า MINI Hatch ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นการตัดสินใจของ BMW Group (อย่างยากลำบาก) ในการขยายฐานลูกค้าของแบรนด์ MINI มายังเซคชั่นใหม่ ด้วยเหตุผลทางการตลาดที่เป็นความท้าทายของแบรนด์ MINI ในทุกๆ ครั้งที่มีการออกรถยนต์รุ่นใหม่ กับแบรนด์ที่มีประวัติอันยาวนานและคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนขนาดนี้
MINI Countryman ได้รับการออกแบบแทบจะทุกชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด โดยไม่ได้ใช้ดีไซน์ร่วมกับ MINI Hatch อย่างที่ MINI ทำกับโมเดลอื่นๆ เช่น Convertible, Clubman หรือ Coupe ซึ่งส่วนที่โดดเด่นของ MINI Countryman คือไฟหน้ารถรูปทรงเหลี่ยม เป็นครั้งแรกของรถ MINI ที่ไม่ได้ใช้ไฟหน้ารถทรงกลม รวมถึงกระจังหน้ารถที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน มีการย้ายสกู้ปฝากระโปรง (หรือที่เรียกกันว่าจมูกของรุ่น Cooper S) ไปแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างกระจังหน้าชิ้นบนกับชิ้นล่างแทนที่จะอยู่บนฝากระโปรง
ไฟหน้าของรถยนต์ MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันนี้ เป็นแบบ Bi-xenon headlights พร้อมรมสีดำ เพิ่มความดุดันให้กับมิติโดยรวมของตัวรถได้ไม่น้อย
กรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง หรือ side scuttle ของ MINI Countryman ถูกออกแบบในรูปทรงใหม่ เป็นแนวทะแยง พร้อมสัญลักษณ์ S ในรุ่น MINI Cooper S และ Cooper SD ออพชั่นมาตรฐานมาเป็นกรอบโครเมียม แต่สามารถถอดเปลี่ยนเป็นลวดลายอื่นๆ เพื่อตกแต่งได้ตามสไตล์ MINI ส่วนไฟท้ายยังคงออกแบบในรูปทรง island แนวตั้ง คล้ายคลึงกับไฟท้ายในรุ่น Hatch ฝากระโปรงท้ายเป็นการเปิดแบบ full size เปิดด้วยการดันโลโก้ MINI เข้าไปเป็นมือจับ ส่วนสปอยเลอร์หลังมีมาให้เฉพาะรุ่นท้อปอย่าง MINI Cooper SD ALL4 เท่านั้น
MINI Countryman ได้รับการรีเฟรชไปหนึ่งครั้งในปี 2012 ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนที่เล็กน้อยมากๆ เช่น การปรับตำแหน่งสวิตช์เปิด/ปิดกระจกจากกึ่งกลางคอนโซลไปอยู่ที่แผงประตู, การเพิ่มตัวเลือกของอุปกรณ์ตกแต่งภายใน, การเพิ่มป้ายชื่อรุ่นที่ฝากระโปรงท้ายของตัวรถ รวมถึงการเพิ่มสีตัวถังใหม่ โดย MINI Countryman รุ่นที่ประกอบในประเทศไทยทั้งหมด เป็น MINI Countryman รุ่นที่ผ่านการรีเฟรชนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประตูเข้าออกผู้โดยสารของ MINI Countryman ถูกปรับรูปทรงจากประตูรถ MINI โฉมอื่นๆ ที่เป็น 2 ประตู มาเป็นแบบ 4 ประตู โดยมีการหั่น “ปีก” ของประตูคู่หน้าให้เป็นประตูขอบตัดลงมาตรงๆ ซึ่งจากการใช้งานจริง พบว่ามีความสะดวกสบายมากๆ ในการขึ้นลงเมื่อจอดรถในที่แคบ ในขณะที่รถ MINI ในโมเดลอื่นๆ ต้องเผื่อพื้นที่ด้านข้างรถไว้มากพอสมควร เนื่องจากมีปีกของประตูรถที่โค้งยื่นออกมานั่นเอง ส่วนประตูของผู้โดยสารแถวหลัง ก็มีขนาดพอดีตัว ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป การขึ้นลงสามารถทำได้สะดวกสบายไม่แพ้กัน
พื้นที่เก็บสัมภาระในฝากระโปรงท้าย สามารถเก็บของได้ 350 ลิตร (มากกว่า MINI Hatch เกินเท่าตัว) และขยายด้วยการพับเบาะหลังทั้งหมดได้สูงสุดที่ 1,170 ลิตร มากเพียงพอที่จะเป็นรถ Compact SUV เอนกประสงค์ได้อย่างสบายๆ และบนพื้นของภายในฝากระโปรงท้าย ยังสามารถเปิดขึ้นมาเพื่อเก็บของที่อาจกลิ้งได้อีกส่วนหนึ่ง เรียกได้ว่า MINI ออกแบบ MINI Countryman มาโดยคำนึงถึงการนำไปใช้งานอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ MINI Countryman ยังมีรางหลังคามาให้ สำหรับยึดอุปกรณ์หรือสัมภาระบนหลังคารถ ซึ่งรับน้ำหนักได้สูงสุดที่ 75 กิโลกรัม
ล้อมาตรฐานของ MINI Cooper SD ALL4 Countryman ที่ติดมากับตัวรถ คือล้อขนาด 18″ ลาย R126 Turbo Fan สีดำด้าน พร้อมยางรันแฟลต Continental ContiSportContact SSR ขนาด 225/45 R18 ไม่มียางอะไหล่ แต่ยางมาตรฐานที่ติดรถมาเป็นยางชนิดรันแฟลท จึงสามารถทำการวิ่งต่อไปได้แม้ยางแบน ด้วยความเร็วไม่เกิน 80 km/h ได้ระยะทาง 80 km เพื่อหาศูนย์บริการช่วยเหลือต่อไป
ห้องโดยสารและ Dashboard
ห้องโดยสารของ MINI Countryman ครึ่งหน้ายังคงให้อารมณ์เดียวกับ MINI รุ่นอื่นๆ อยู่ชนิดแยกกันลำบากครับ มีการใช้อะไหล่ร่วมกันกับโมเดลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย, หน้าจอบริเวณคอนโซลกลาง และเข็มวัดรอบต่างๆ จะมีส่วนที่แตกต่างไปคือขนาดของคอนโซลที่ใหญ่ขึ้น ให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีขึ้นกว่า MINI โมเดลที่มีขนาดเล็กกว่านี้ ด้วยความได้เปรียบจากตำแหน่งที่นั่งที่สูงกว่าของ MINI Countryman
พวงมาลัยของ MINI Countryman รุ่นประกอบในไทย จะมีทั้งหมด 2 แบบ คือรุ่นที่สามารถเปลี่ยนเกียร์จากแป้น paddle shift ได้ (เฉพาะ Look 2 และ Cooper SD) กับรุ่นที่ไม่มีแป้น paddle shift แต่พวงมาลัยทุกรุ่นเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมระบบความบันเทิงในรถยนต์ผ่านปุ่มบนพวงมาลัยได้ รวมถึงควบคุมระบบล็อคความเร็ว Cruise Control ได้ทุกรุ่นด้วย
สำหรับ MINI Countryman รุ่นประกอบในไทยที่วางจำหน่าย จะแบ่งออกเป็น 5 รุ่นย่อย โดยรุ่นที่เป็น Look 2 และรุ่นท้อป อย่าง Cooper SD ALL4 คันนี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอ MINI Connected ที่คอนโซลกลาง สามารถใช้ในการเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อใช้งานร่วมกับแอพ MINI Connected ได้ ผ่านทางพอร์ต USB และ AUX บริเวณใต้เบรคมือ ที่เป็นตำแหน่งของราง Center Rail
ไฟ ambient ภายในห้องโดยสาร สามารถเลือกปรับได้ 12 สี เช่นเดียวกับ MINI ในเจเนอเรชั่นที่สองโมเดลอื่นๆ โดยตำแหน่งของสวิตช์อยู่บนเพดาน ใกล้กับกระจกมองหลัง และมีสวิตช์ไฟอ่านหนังสืออยู่ที่แผงนี้ด้วย ที่ขาดหายไปคือซันรูฟ ที่ต้องทำใจว่า MINI Countryman รุ่นประกอบในประเทศไทยทั้งหมด จะไม่มีออพชั่นซันรูฟมาให้ครับ
ที่นั่งแถวหลังของ MINI Countryman ที่น่าจะเป็นเหตุผลของการตัดสินใจเลือกซื้อรถ MINI ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แท้จริงแล้ว MINI Countryman จะมีออพชั่นของที่นั่งแถวหลัง 2 แบบ คือแบบ 2 ที่นั่ง (แยกเก้าอี้กันเหมือนกับคู่หน้า) กับแบบ 3 ที่นั่งต่อกัน ซึ่งจากที่มินิ ประเทศไทยได้นำเข้า MINI Countryman มาตั้งแต่ปี 2010 พบว่าตลาดประเทศไทยให้การตอบรับกับแบบ 3 ที่นั่งมากกว่า จึงตัดสินใจว่ารถ MINI Countryman รุ่นประกอบไทยนี้ จะมีที่นั่งแถวหลังเป็นแบบ 3 ที่นั่งทั้งหมด
การวางที่นั่งแถวหลังของ MINI Countryman แบบ 3 ที่นั่ง ถึงแม้ว่าตัวถังจะมีความกว้างรวม 1,995 มิลลิเมตร แต่ก็สามารถวาง 3 ที่นั่งได้แบบไม่ถึงกับอึดอัดมากนัก เป็น 3 ที่นั่งที่ใช้งานได้จริง และสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยแบบปกติได้ทั้ง 3 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่ leg room ก็ยังมีให้แบบเหลือๆ ทั้ง 3 คนอีกด้วย เพียงแต่มีข้อจำกัดว่า เบาะหลังไม่สามารถที่จะปรับเอนได้
ที่ดูขัดใจผมที่สุดในส่วนของห้องโดยสาร MINI Countryman คันนี้ คือการเลือกสีแผงประตูสีขาวมาตัดกับแผงคอนโซลสีดำของตัวรถ เพราะภายในรถทั้งคัน มาแนวสีทึบ ดูเข้มดุดัน เบาะหนังสีดำล้วน เข้ากันดีทั้งหมดแล้ว พอมาเจอแผงภายในประตูสีขาวครีมตัวนี้เข้าไป เลยดูค่อนข้างโดดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่ง MINI Cooper SD ALL4 Countryman ตามออพชั่นแล้วสามารถเลือกสีเบาะได้สองสีคือดำล้วน กับ สีเบจ จึงน่าจะปรับเปลี่ยนการตกแต่งของแผงประตูให้เข้ากับสีภายในตัวรถด้วย
ตำแหน่งสวิตช์เปิด/ปิดกระจก ที่ถูกย้ายมาจากคอนโซลกลางใน MINI Countryman รุ่นนำเข้าก่อนหน้านี้ อยู่บนแผงประตูทุกบาน โดยคนขับจะสามารถควบคุมกระจก 4 บาน แบบ auto ทั้งขึ้นและลง รวมถึงสามารถล็อคไม่ให้ผู้โดยสารควบคุมสวิตช์เปิด/ปิดกระจกได้ด้วย ส่วนกระจกมองข้างเป็นแบบพับไฟฟ้า ที่ควบคุมได้จากแผงควบคุมตำแหน่งเดียวกันนี้
เทคโนโลยีและความปลอดภัย
นอกเหนือจาก MINI Countryman จะเป็นรถที่เอนกประสงค์ที่สุดของ MINI แล้ว มันถูกอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยด้วย มีถุงลมนิรภัยติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมด 4 ตำแหน่ง คือ Airbag คู่หน้า (ในพวงมาลัยและแผงคอนโซลฝั่งผู้โดยสารแถวหน้า), Airbag หัวเข่าผู้โดยสารแถวหน้า, Airbag ด้านข้าง ติดตั้งในเบาะที่นั่งของผู้โดยสารแถวหน้า และ Airbag ศีรษะ ติดตั้งบนขอบเสาหลังคาของตัวรถซ้าย/ขวา
ออพชั่นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของ MINI Countryman ทุกรุ่น นอกเหนือจากถุงลมนิรภัยแล้ว คือระบบเบรค ABS, ระบบการกระจายแรงเบรค Electronic Brakeforce Distribution (EBD), ระบบควบคุมเบรคในทางโค้ง Cornering Brake Control (CBC), ระบบป้องกันรถไหลบนที่ลาดชันระบบป้องกันการไถล DSC โดยจะมีเพียง MINI Cooper SD ALL4 Countryman ตัวท้อปเท่านั้น ที่มาพร้อมกับ Dynamic Traction Control หรือ DTC ด้วย
เซ็นเซอร์ถอยหลัง หรือ Parking Distance Control (PDC) เป็นออพชั่นมาตรฐานที่ติดมาให้กับ MINI Countryman ทุกรุ่นย่อยที่วางจำหน่ายในประเทศไทยเช่นกัน โดยในรุ่นที่มีหน้าจอ จะแสดงเป็นแถบสีอย่างชัดเจน พร้อมเสียงสัญญาณเตือน ส่วนรุ่นที่ไม่มีหน้าจอ จะมีเฉพาะสัญญาณเตือนเมื่อเข้าใกล้วัตถุเท่านั้น
MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันนี้ ยังมาพร้อมกับออพชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือที่ MINI เรียกว่า ALL4 ซึ่ง MINI Countryman รุ่นที่ประกอบในไทย มีออพชั่นนี้ให้เฉพาะรุ่น MINI Cooper SD เท่านั้น (อีก 4 รุ่นย่อยไม่มีออพชั่นนี้) โดยการทำงานของระบบ ALL4 จะคำนวนโดยระบบคอมพิวเตอร์ของตัวรถ ถ่ายการทำงานของแต่ละล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนน ณ ตอนนั้นโดยอัตโนมัติ และทำงานตลอดเวลา ไม่มีปุ่มเปิด/ปิดการทำงาน และคนขับไม่สามารถเลือกควบคุมได้ พร้อมที่จะให้ MINI Countryman ไปลุยบนทุกสภาพถนนได้ทันที
ทัศนวิสัยในการขับขี่
ทัศนวิสัยของ MINI Countryman เมื่อเทียบกับ MINI ในโมเดลอื่นๆ แล้วต้องบอกว่าอยู่ในขั้นดีมาก จากมิติของตัวรถที่สูงกว่า Hatchback และรูปทรงของตัวถัง ที่กระจกแต่ละบานมีความลาดเอียงน้อยตามไสตล์ MINI บวกกับขนาดของเสาที่ไม่ใหญ่จนเกิดมุมอับ ไม่มีปัญหาด้านการมองเห็นจากการขับขี่ทุกรูปแบบ เซ็นเซอร์ถอยหลัง PDC ครอบคลุมพื้นที่ด้านหลังรถทั้งหมดอย่างแม่นยำ โดยรวมแล้วเป็นรถที่ขับง่ายมากๆ และมีจุดที่ให้ระมัดระวังน้อยมากๆ
ตำแหน่งที่นั่งคนขับ สามารถปรับขึ้นลงได้ด้วยการโยกก้านบังคับใต้ที่นั่ง รวมถึงปรับเลื่อนหน้า/หลังด้วยคันโยกเช่นกัน ไม่มีการใช้ระบบไฟฟ้าในการปรับตำแหน่งที่นั่งเช่นเดียวกับรถ MINI ทุกโมเดล ตำแหน่งของพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งขึ้น/ลง และใกล้/ไกลด้วยมือเช่นกัน ไม่พึ่งระบบไฟฟ้า ทำให้การหาตำแหน่งที่เหมาะสมในการขับทำได้อย่างง่ายและรวดเร็ว
เครื่องยนต์
MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ รหัส N47 TU ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000rpm แรงบิดสูงสุดมากถึง 305 Nm ที่รอบ 1,750-2,700rpm ความเร็วสูงสุดที่ MINI เคลมไว้อยู่ที่ 193 km/h อัตราเร่ง 0-100 km/h ใช้เวลา 9.5 วินาที
พูดถึงเครื่องยนต์ดีเซลแล้ว ทางมินิ ประเทศไทย เพิ่งจะเริ่มทำตลาดรถยนต์ MINI เครื่องยนต์ดีเซลในไทยครั้งแรก วันที่ 18 กรกฎาคม 2012 โดยแบ่งเป็น MINI Cooper D และ MINI Cooper SD ในหลากหลายโมเดลของ MINI และได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ MINI ในไทยถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ ทางมินิ ประเทศไทยจึงตัดสินใจใช้เครื่องยนต์ดีเซลกับรถ MINI Countryman รุ่นประกอบในประเทศไทยถึง 3 รุ่นย่อย จากทั้งหมด 5 รุ่น มีเพียง MINI Cooper Countryman รุ่นล่างสุด (Look 1 และ Look 2) ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น
เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่ MINI ใช้กับ MINI Cooper SD ALL4 Countryman ตัวนี้ นับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับ MINI ในเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ซึ่ง MINI เพิ่งจะฉลองครบรอบ 10 ปี MINI เครื่องยนต์ดีเซลไปเมื่อกลางปี 2013 ที่ผ่านมา ตัวเครื่องยนต์ถูกพัฒนาโดย BMW ให้มีความประหยัดน้ำมัน, มีแรงบิดสูง ให้การเร่งแซงที่มั่นใจ ให้คาแรคเตอร์ในการขับขี่ที่สนุกสนานตามแบบฉบับของ MINI ในขณะที่ยังสามารถรักษาระดับเสียงของเครื่องยนต์ให้ไม่ดังจนเกินไปด้วย
ประกอบในประเทศไทย
ความแตกต่างของ MINI Countryman รุ่นประกอบในไทย กับรุ่นนำเข้า เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งหลังจากที่ได้สำรวจ MINI Countryman รุ่นประกอบไทยรอบคัน เปรียบเทียบกับรุ่นที่ประกอบจากโรงงาน Magna Steyr ประเทศออสเตรีย ยืนยันได้เลยว่า “แยกไม่ออก” ครับ คุณภาพการประกอบ และอะไหล่ทุกชิ้นเทียบเท่ากับมาตรฐานของรถยนต์ MINI ทุกคันที่เคยมีการผลิตมา
BMW Group ประเทศไทย ได้ยืนยันกับสื่อมวลชน ณ วันที่มีการเปิดให้ชมสายการประกอบรถยนต์ MINI Countryman ที่โรงงาน BMW Manufacturing จังหวัดระยอง ว่าโรงงานแห่งนี้มีขั้นตอนการประกอบรถยนต์ตรงตามมาตรฐานของ BMW AG ทุกประการ และโรงงานแห่งนี้ยังได้รับความไว้วางใจให้ประกอบรถยนต์ BMW มากถึง 5 ซีรีย์ คือ BMW ซีรีย์ 3, ซีรีย์ 5, ซีรีย์ 7, X1 และ X3 รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ BMW F800 R อีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพในการประกอบรถยนต์ MINI Countryman ได้อย่างแน่นอน
ข้อแตกต่างที่สังเกตได้จาก MINI Countryman รุ่นประกอบในประเทศ คือ “สติ๊กเกอร์ มอก.” ที่ติดอยู่ภายในห้องเครื่อง และบนกระจกรถทุกบานเท่านั้น แต่ตัวกระจกเองก็เป็นกระจกที่นำเข้าตามสเปคของ MINI Countryman ที่ประกอบจากโรงงาน Magna Steyr อยู่ดี ไม่ใช่กระจกไทยแต่อย่างใด
สำหรับออพชั่นเสริมที่ขาดหายไปใน MINI Countryman รุ่นประกอบไทย คือในส่วนของซันรูฟ และ ชุดเครื่องเสียง harman/kardon ครับ
การขับขี่
ทำความรู้จักกับ MINI Countryman กันไปแล้ว มาลองดูกันบ้างครับ ว่า MINI Countryman คันจริงๆ ที่ประกอบในประเทศไทย แถมเป็นเครื่องยนต์ดีเซล มีความสามารถในการขับขี่เป็นอย่างไรกันบ้าง
ทันทีที่ได้กระโดดขึ้นมานั่ง MINI Cooper SD ALL4 Countryman หนุ่มคันทรี่คันโต พี่ใหญ่ของครอบครัว MINI สิ่งที่ได้รับกลับมาทันทีตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่อง คือตำแหน่งที่นั่งคนขับ ที่ให้ทัศนวิสัยดีกว่าที่คิด หน้าตาคอนโซล รวมถึงความลาดชันของกระจก ยังสะท้อนภาพของรถ “MINI” ได้เป็นอย่างดี จากนั้น ทำการปรับตำแหน่งเก้าอี้ ปรับตำแหน่งพวงมาลัย ปรับกระจกมองหลังด้วยมือ และ ปรับกระจกมองข้างด้วยระบบไฟฟ้า ให้เข้าที่เข้าทาง กดแป้นเบรค พร้อมกับกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องเอากุญแจมาเสียบในแป้น เพราะ Cooper SD รุ่นท้อปตัวนี้ มาพร้อมกับออพชั่น comfort access อยู่แล้ว … เสียงเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรที่เป็นเอกลักษณ์ก็ติดดังขึ้น เป็นอันพร้อมออกเดินทาง
อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ ว่า MINI Countryman ไม่ใช่รถใหม่ที่เพิ่งออก เพราะตัว Countryman เอง เป็นรถที่ออกมาโลดแล่นบนท้องถนนบ้านเรามากว่า 3 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ MINI Countryman ขยายฐานการประกอบมายังประเทศไทย โดยคันนี้เป็น MINI Countryman ที่ออกจากสายการประกอบจากโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยองด้วย การทดสอบในวันนี้ จึงมีทั้งในส่วนของความสามารถในการขับขี่ และคุณภาพงานประกอบของโรงงานในไทย
MINI Cooper SD ALL4 Countryman ถือว่าเป็นรถ MINI ที่ขับง่าย มีความโดดเด่นเรื่องทัศนวิสัยค่อนข้างมาก มีจุดที่ให้ระมัดระวังหรือจุดบอดน้อย ในขณะที่ช่วงล่างของตัวรถยังคงมีความกระด้าง ตามคาแรคเตอร์ของ MINI อย่างชัดเจน ล้อมาตรฐานที่ติดมา มีขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลท ที่เพิ่มความแข็งกระด้างของช่วงล่างเข้าไปอีก คนที่ชอบอารมณ์สปอร์ท ได้ฟิลลิ่งแบบโก-คาร์ทน่าจะถูกใจอยู่ไม่น้อย ส่วนความคาดหวังเรื่องความสบายในการนั่งโดยสารเป็นระยะทางไกลๆ ช่วงล่างที่นุ่มนวล เป็นเรื่องที่คาดหวังได้ยากจาก MINI Countryman คันนี้
อัตราเร่งของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบ รหัส N47 TU ใน MINI Cooper SD ตัวนี้ เป็นเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงที่สุดของ MINI ทุกรุ่น ให้ความมั่นใจอย่างมากเมื่อมีการเร่งแซง หรือการเปลี่ยนเลนท่ามกลางสภาพการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพมหานคร ถึงแม้ว่าคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ดีเซลจะไปแผ่วปลาย ที่ย่านความเร็วสูงหน่อย แต่แรงบิดที่ให้กับช่วงย่านความเร็วต่ำ เป็นอันปฏิเสธได้ยากมากว่า Cooper SD เป็นเครื่องยนต์มินิที่ขับสนุกที่สุดในเมือง บวกกับคาแรคเตอร์ของรถ MINI ที่มีพวงมาลัยเฉียบคม แม่นยำ และช่วงล่างที่ไว้ใจได้ เรียกว่ายิ่งเส้นทางที่มีปริมาณรถมากหน่อย แต่ไม่ถึงกับติดสนิท นี่ยิ่งแสดงพลังได้อย่างน่าประทับใจกันแบบสุดๆ
ออกนอกเมืองไปอีกหน่อย บนทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ให้พอทำความเร็วกันได้แบบยาวๆ เครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ เริ่มมีอัตราเร่งที่แผ่วลงในช่วงเกิน 130 km/h แต่ก็สามารถไต่ระดับอย่างช้าๆ ไปแตะ 190 km/h ได้หากมีระยะทางที่มากพอ ซึ่งหากไม่ได้ละสายตาลงมาเหลือบมองเลขความเร็ว ก็จะไม่รู้เลยว่าตัวรถกำลังทำความเร็วที่สูงขนาดนั้น ไม่มีอาการสั่นหรือหวิวให้น่ากลัวแต่อย่างใด การไต่ทางชันของ MINI Cooper SD ALL4 Countryman ด้วยแรงบิดที่ได้จากเครื่องยนต์ดีเซล ทำได้อย่างสบาย ไม่เป็นปัญหา ทั้งการขับขึ้นถนนลาดชัน หรือการไปติดอยู่บนทางลาดเอียงของอาคารจอดรถ ที่มีฟังก์ชัน Hill Assist ช่วยไว้ หากเข้าเกียร์ D แม้ปล่อยทั้งเบรคและคันเร่ง รถก็ไม่ไหลลงแต่อย่างใดครับ
โหมด Sport ของ MINI คันนี้ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การขับขี่มีความสนุกสนานมากขึ้น รวมถึงมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย ทันทีที่กดสวิตช์ Sport ที่บริเวณคอนโซลกลาง หรือผลักคันเกียร์ไปที่ตัว S นอกเหนือจากการใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ให้กำลังที่สูงขึ้น เสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่คำรามออกมาดังขึ้น (แม้จะไม่ใช่เสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งอะไรนัก) แล้ว โหมด Sport ของ MINI Countryman คันนี้ ให้น้ำหนักพวงมาลัยที่หนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากๆ (ๆๆๆๆ จนอยากเติม “ๆ” อีกหลายๆ ตัว) เรียกความมั่นใจในการขับที่ย่านความเร็วสูง และเพิ่มความสนุกสนานขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
การเก็บเสียงของเครื่องยนต์ดีเซลใน MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันนี้ ทำได้ดีในระดับหนึ่ง โดยเมื่อรถติดยังคงได้ยินเสียงเครื่องดีเซลหลุดลอดเข้ามาในห้องโดยสารอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับดังจนรับไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ดู ทาง MINI เองก็ได้พยายามใช้วัสดุซับเสียงภายในห้องเครื่องแล้ว สิ่งที่ทำได้ดีกว่าการเก็บเสียง คือความสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ ที่ออกอาการให้เห็นน้อยมากๆ ถ้านั่งในรถแล้วปิดหูนี่ตอบได้ยากเลย ว่ามันคือเครื่องเบนซินหรือดีเซลกันแน่
ระบบเบรคที่ติดตั้งมากับ MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันนี้ เป็นชุดเบรคมาตรฐานของ Cooper S/SD ด้วยดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ คู่หน้าใช้จานเบรคเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 307 มม. หนา 24 มม. คู่หลังเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 280 มม. หนา 10 มม. (หากเป็นรุ่น Cooper หรือ Cooper D ขนาดจานเบรคคู่หน้าจะเล็กกว่าเล็กน้อย เหลือ 294 x 22 มม.) ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรค ABS, ระบบ DSC/DTC รวมถึง EBD (Electronic brakeforce distribution) กระจายกำลังการเบรคของแต่ละล้อตามสภาพพื้นถนน และ ความเร็วที่ใช้ รวมถึงน้ำหนักบรรทุกของตัวรถโดยอัตโนมัติ ความสามารถในการเบรค ให้ความมั่นใจได้ดีพอสมควร ไม่แพ้กับที่ MINI ทำมาตรฐานไว้กับ MINI Hatch ที่มีขนาดตัวถังเล็กกว่า
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เป็นเรื่องที่หลายคนสนใจกับ MINI เครื่องยนต์ดีเซลมาก และทาง MINI เองก็เน้นอย่างมากว่า MINI เครื่องยนต์ดีเซลนั้น ประหยัดน้ำมันกันแบบสุดๆ ด้วยคอนเซปต์ MINIMALISM ให้ได้มากกว่าโดยใช้พลังงานน้อยกว่า แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เพราะอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยแล้ว วัดแบบใช้งานจริงใน กทม. อยู่ที่ประมาณ 14.3 km/l และนอกเมืองที่ประมาณ 16.7 km/l แบบไม่มีการล็อคความเร็วด้วย cruise control คลาดจากตัวเลข 18.9 km/l ที่ทาง MINI เคลมไว้ในสเปคอยู่บ้าง จากสภาพการจราจรและสภาพถนนในกทม. แต่ก็ประหยัดมากพอเมื่อเทียบกับความสนุกสนานในการขับขี่ในแบบฉบับของ MINI และประหยัดกว่า MINI เครื่องยนต์เบนซินอยู่มากเอาเรื่อง ที่ต้องไม่ลืมด้วยว่า โครงสร้างราคาน้ำมันในบ้านเรา ดีเซลลิตรละ 29.99 บาทเท่านั้น กับขนาดถังน้ำมัน 47 ลิตรใน MINI Countryman คันนี้ เต็มถัง 1,400 บาท วิ่งได้ชิลๆ เกือบ 700 km
คุณภาพงานประกอบของ MINI Countryman คันนี้ จากโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง ที่ผมเองได้มีโอกาสขับรถ MINI มาครบทุกโมเดล ผมกล้ายืนยันว่า “แยกไม่ออก” ระหว่างประกอบไทยกับประกอบนอก เนี๊ยบทุกรายละเอียด ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ให้เห็น ใครที่กังวลกับมาตรฐานการประกอบรถยนต์ของโรงงานในไทย ก็สบายใจได้เลยล่ะครับ
สรุป
รุ่นพี่ใหญ่สุดของครอบครัว MINI อย่าง MINI Countryman มีความสมบูรณ์อย่างมากในการเป็นรถ ‘Compact SUV’ ที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นที่สุดในตลาด ด้วยการเอาแบรนด์ MINI มาทำให้รถมีความเอนกประสงค์ที่สุด ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายกว่า MINI Hatch ต้นตำรับ เพิ่มประตูเป็น 4 ประตู ขยายขนาดให้มีความใหญ่โต เก็บสัมภาระได้มากขึ้น ผู้โดยสารขึ้นลงสะดวกมากขึ้น เพิ่มออพชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ เข้าถึงทุกสภาพถนนได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ลืมเอกลักษณ์ คาแรคเตอร์ที่ชัดเจนในการขับขี่ที่สนุกสนานตามแบบฉบับของ MINI
เมื่อครั้งที่ MINI เปิดตัว MINI Countryman ทาง MINI ได้ให้นิยามของรถครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของครอบครัว MINI รุ่นนี้ว่าเป็นรถ ‘Getaway’ แพ็คของไปเที่ยว ไปปิคนิค ออกเดินทาง ซึ่ง MINI เองก็พยายามอย่างมากในการสร้างความสมดุลระหว่างความเอนกประสงค์ของตัวรถ กับความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในการทำรถ “มินิ” ให้มีขนาด “ใหญ่” ซึ่งยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์มาจนถึงปัจจุบัน สวนทางกับยอดขาย MINI Countryman ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก จนโมเดลนี้เป็นโมเดลที่ขายได้เป็นอันดับสองรองจากตัวถัง Hatch ตอกย้ำว่า ความต้องการรถยนต์ Compact SUV ที่สนุกสนานอย่าง MINI Countryman นั้น มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วของ BMW Group
แฟนๆ MINI ที่เคยขับทั้ง Hatch และ Countryman (ต้องย้ำว่า คนที่ได้ขับ ไม่ใช่แค่ได้เห็น) จะตอบได้ดีว่า MINI Countryman ยังมี DNA ของความเป็น MINI อยู่อย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่ได้แสดงออกถึงมรดกทางการออกแบบที่ตกทอดมาจากรุ่นคลาสสิคมากเท่าไรนัก แต่แฟน MINI เองก็รู้ดีว่า ความเอนกประสงค์ของ MINI Hatch มีข้อจำกัดอยู่พอสมควรกับการใช้โดยสารของคน 4 คน (ไม่ต้องพูดถึง 5 คนที่ทำได้กับ Countryman คันนี้) พร้อมสัมภาระ เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดซัก 1-2 คืน ในขณะที่ MINI Countryman สามารถทำได้อย่างสบายๆ แถมยังได้อารมณ์ MINI ในการขับขี่อีกด้วย
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ MINI Countryman คันนี้ คือเครื่องยนต์ดีเซล ที่ผมเองดีใจมากกับการตัดสินใจของมินิ ประเทศไทยในการนำ MINI เครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา เพราะเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ มีประสิทธิภาพที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ สามารถเค้นคาแรคเตอร์ของ MINI ออกมาได้เฉียบขาดกว่าเครื่องยนต์เบนซินในบางโอกาส โดยเฉพาะเรื่องของแรงบิดและการเร่งแซง แถมยังรักษาอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างถูกอกถูกใจคนเท้าหนัก บวกกับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลในบ้านเราแล้ว กลายเป็นตัวเลือกในการใช้งานที่ประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซินแบบมหาศาล ถึงแม้ราคาค่าตัวของมันจะสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซินก็ตาม
อีกหนึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมากของมินิ ประเทศไทย คือการขยายฐานการประกอบรถยนต์ MINI Countryman มายังโรงงาน BMW จังหวัดระยอง ที่นอกเหนือจากจะเป็นการเปิดฐานการประกอบรถยนต์ MINI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกแล้ว ยังเป็นข่าวดีของแฟนๆ MINI ในไทย ที่ได้มีโอกาสสัมผัส MINI ในราคาที่ถูกลงทันที 750,000 – 800,000 บาท เปิดราคา MINI Cooper Countryman Look 1 ที่ราคา 1.84 ล้าน ถูกที่สุดในบรรดารถยนต์ MINI ทุกโมเดล ในขณะที่รุ่นท้อปออพชั่นอย่าง MINI Cooper SD ALL4 Countryman คันที่ผมรีวิวให้ชมวันนี้ ก็ไปสูงสุดที่ 2.49 ล้านบาทเท่านั้น ในฐานะที่เป็นแฟนมินิมาอย่างยาวนาน นี่คือครั้งที่ MINI ในไทยมีความคุ้มค่าสูงที่สุด นับตั้งแต่ MINI เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 11 ปี และประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ราคา MINI Countryman ขายถูกกว่า MINI Hatch!
โดยสรุปแล้ว MINI Countryman คือ MINI ที่เอนกประสงค์ที่สุด ใหญ่ที่สุด สะดวกที่สุด โดยไม่ทิ้งฟิลลิ่งการขับขี่ที่สนุกสนานแบบ MINI ไป เครื่องยนต์ดีเซลที่ทำได้ดีอย่างร้ายกาจ แม้ไม่ได้แรงหลังติดเบาะ แต่ขับสนุกมากๆ ในเมือง บวกกับฐานการประกอบที่ไทย ลดภาระเรื่องภาษีนำเข้า เพิ่มความคุ้มค่าให้กับ MINI รุ่นนี้จนถึงขีดสุด
มินิ ประเทศไทย ทำตลาด MINI Countryman ในไทยทั้งหมด 5 รุ่นย่อย คือ
1) MINI Cooper Countryman Look 1 ราคา 1,840,000 บาท
2) MINI Cooper Countryman Look 2 ราคา 1,990,000 บาท
3) MINI Cooper D Countryman Look 1 ราคา 2,040,000 บาท
4) MINI Cooper D Countryman Look 2 ราคา 2,190,000 บาท
5) MINI Cooper SD ALL4 Countryman ราคา 2,490,000 บาท
ขอขอบคุณ
มินิ ประเทศไทย