MINI ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี BMW Group ด้วยการเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคต ในชื่อรุ่น “MINI VISION NEXT 100” แสดงวิสัยทัศน์การผลิตยานยนต์ในยุคถัดไป โดยจัดงานเปิดตัวและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
สืบทอดมาจากการเปิดตัว BMW VISION NEXT 100 รถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคตของ BMW ในโอกาสที่ BMW เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ BMW Group ได้ต่อยอดรถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคต มายังอีกสองแบรนด์ภายใต้หลังคาเดียวกันกับตนเอง เปิดตัว MINI VISION NEXT 100 และ Rolls-Royce VISION NEXT 100 สองแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษ เลือกเอากรุงลอนดอน เป็นสถานที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
วิสัยทัศน์ของ BMW Group ในการเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคตนี้ เพื่อเป็นการถ่ายทอดให้ผู้คนในยุคปัจจุบันได้รับรู้ว่า ในอนาคตข้างหน้า สังคมจะก้าวเดินต่อไปในทิศทางไหน โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ยานพาหนะในการเคลื่อนที่พาผู้คนไปยังจุดต่างๆ จะถูกเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดมาเป็นรูปแบบต่างๆ ของรถยนต์ VISION ทั้งหมด 4 รุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ (ยังเหลือมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad VISION NEXT 100 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 16 ตุลาคมที่จะถึงนี้)
The MINI VISION NEXT 100
รถยนต์คอนเซ็ปต์ MINI VISION NEXT 100 ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Every MINI is my MINI” หรือ “มินิทุกคัน เป็นมินิของฉัน” เน้นเรื่องการแชร์รถยนต์ร่วมกันกับบุคคลอื่นๆ โดยในอนาคต ผู้ใช้งานมินิทุกคน จะสามารถใช้งานมินิทุกคันที่อยู่บนท้องถนนได้ จากการเรียกให้มารับโดยอัตโนมัติ และมินิคันนั้นๆ ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงหน้าตาไปเป็นแบบที่เราได้เลือกเอาไว้ส่วนตัว ทั้งภายนอก และภายใน รวมถึงคาแรคเตอร์ในการขับขี่ที่บุคคลนั้นๆ ต้องการ ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแฟนมินิแต่ละคน
โจทย์ของ MINI ในการสร้างรถยนต์แห่งอนาคต คือต้องทำให้รถที่ก้าวล้ำทางด้านเทคโนโลยี สามารถตอบสนองอารมณ์ของผู้ขับขี่ได้อย่างสนุกเหมือนในปัจจุบัน สามารถสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกของผู้ขับขี่ และตัวตนที่แตกต่างของผู้ใช้มินิ ในขณะที่ยังต้องยึดถือหลักการของการใช้พื้นที่ทุกส่วนของตัวรถให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ ดังที่ MINI ยึดถือมาตลอดในการสร้างงสรรค์รถยนต์ทุกรุ่นที่ผ่านมา
คอนเซ็ปต์ “Every MINI is my MINI” จึงเกิดขึ้นกับรถยนต์คอนเซ็ปต์คันนี้ รถยนต์ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ของผู้ใช้งานที่เรียกใช้มัน พร้อมที่จะวิ่งไปรับส่ง โดยยังคงความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นตัวตนของผู้ใช้งานคนนั้นๆ อยู่ ผสานเทคโนโลยีดิจิทัล และการเชื่อมต่อเข้าไปให้เกิดความสมบูรณ์ของระบบการแชร์รถยนต์บนท้องถนน ถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่กล้าคิดได้อย่างแตกต่างและน่าสนใจอย่างมาก
Adrian van Hooydonk หัวหน้าแผนกออกแบบของ BMW Group ได้กล่าวถึงรถยนต์ MINI VISION NEXT 100 ว่า มันจะเป็นรถยนต์อัจฉริยะ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวได้ ให้ประโยชน์ของความเป็นมินิอย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของมันด้วยซ้ำ
“Digitally mine”
การเป็นเจ้าของรถมินิแบบดิจิทัล หรือ Digitally mine คือฟีเจอร์หลักของ MINI VISION NEXT 100 ครับ มันคือรถยนต์ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนไปเป็นรถมินิของคนใดคนหนึ่งได้ ทำให้ผู้เรียกใช้งานรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในตัวรถ เพราะยังคงให้ความเป็นส่วนตัว และบ่งบอกถึงตัวตนของผู้ขับขี่อยู่ ตัวถัง หลังคา และแสงไฟที่ประดับอยู่ทั้งภายในกับภายนอก พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนไปเป็นแบบที่แต่ละคนต้องการ
The Cooperizer
Cooperizer คือส่วนที่จะเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ MINI VISION NEXT 100 กับผู้ขับขี่ ที่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้อย่างอิสระ โดยอาศัยคอนโซลกลางที่เป็นหน้าจอวงกลม อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของมินิมาอย่างยาวนาน มีโหมดให้เลือกขับขี่ได้เอง หรือจะให้รถยนต์เป็นผู้ขับเคลื่อนให้โดยอัตโนมัติ 100% ระบบของตัวรถสามารถช่วยผู้ขับขี่ในการตัดสินใจได้ และสามารถเลือกเก็บเป็นโปรไฟล์ผู้ขับขี่เอาไว้เรียกใช้ในอนาคตได้โดยง่าย รวมถึงสามารถปรับโหมดเพื่อขับขี่เอง จากการขับขี่นุ่มนวลเน้นความสบาย ไปจนถึงโหมด John Cooper Works เพื่อการขับขี่แบบสนุกเร้าใจ แบบ go-kart feeling ก็ยังสามารถเกิดได้กับรถยนต์แห่งอนาคตจาก MINI
The Rolls-Royce VISION NEXT 100
ในโอกาสนี้ BMW Group ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์ Rolls-Royce VISION NEXT 100 ด้วย เป็นรถยนต์คอนเซ็ปต์สุดหรู นำเสนอแนวคิดยานพาหนะสุดหรูที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด เปิดให้เจ้าของรถยนต์ในอนาคต สามารถเลือกปรับแต่งรถยนต์ได้ตามใจชอบ ตั้งแต่ขนาด รูปร่าง ความยาวของตัวรถ ไปจนถึงวัสดุที่ใช้ เพื่อบ่งบอกตัวตนความเป็นเจ้าของได้ ในขณะที่ยังคงเป็นรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีสูงสุด ขับเคลื่อนได้เองแบบไม่ต้องพึ่งพาคนขับ ไม่ปล่อยมลพิษสู่โลก และยังใช้งานฝีมือที่ดีที่สุดในการสร้างสรรค์รถยนต์ Rolls-Royce
The BMW Group Future Experience.
งานจัดแสดงรถยนต์คอนเซ็ปต์ BMW Group Vision Future Experience ครั้งนี้ จะจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 18 – 26 มิถุนายน ภายในงานจะนำเสนอแนวคิดการสร้างสรรค์รถยนต์แห่งอนาคตของ BMW Group รวมถึงนำเสนอประวัติความเป็นมาของ BMW Group ตลอด 100 ปีที่ผ่านมาด้วยครับ