Exclusive Preview : สัมผัส MINI Countryman โฉมใหม่ จากงาน LA Auto Show 2016

สวัสดีจากนครลอสแองเจลิสครับ ผมอยู่ที่งาน LA Auto Show 2016 ซึ่งปีนี้มีความหมายกับแฟนๆ มินิทั่วโลกมากเป็นพิเศษ เพราะมินิเลือกเอานครลอสแองเจลิสแห่งนี้ เป็นสถานที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ MINI Countryman โฉมใหม่ ที่ผมจะพาแฟนๆ มินิทุกคนไปรู้จักกับมันอย่างละเอียดกันในวันนี้ครับ

MINI ได้เปิดตัว MINI Countryman โฉมใหม่ โดยเผยรูปทางอินเทอร์เน็ตและเปิดเผยรายละเอียดของมันไปเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ แต่เลือกที่จะอุบรถคันจริงเอาไว้ เพื่อมาทำการ World Premiere ในงาน LA Auto Show 2016 ที่นครลอสแองเจลิสวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนจากทั่วโลกจะได้มีโอกาสสัมผัสรถ MINI Countryman โฉมใหม่คันจริงทุกรายละเอียด และผมเองก็ได้เข้าชมงานตั้งแต่วันแรกนี้เลย เพื่อที่จะเอามาฝากแฟนๆ MINI-TH โดยเฉพาะครับ

img_1198

ในงานนี้ MINI ได้เผยโฉม MINI Countryman โฉมใหม่ทั้งหมด 3 คัน ที่เป็น 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน ประกอบไปด้วย MINI Cooper Countryman ALL4 สี Chestnut (สีใหม่), MINI Cooper S Countryman ALL4 สีฟ้า Island Blue (สีใหม่) และ MINI Cooper S E Countryman ALL4 สี Melting Silver ที่เป็นรถ Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กได้รุ่นแรกของแบรนด์มินิ

ใครที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเมื่อครั้งที่มินิเปิดเผยรายละเอียดของ MINI Countryman โฉมใหม่นี้ แนะนำให้อ่านที่นี่ก่อนครับ >> เปิดตัว 2017 MINI Countryman โฉมใหม่ (F60) อย่างเป็นทางการ

MINI Cooper Countryman ALL4
MINI Cooper S Countryman ALL4
MINI Cooper S E Countryman ALL4

img_1338

img_1377

คันแรกที่มินิเอามาโชว์ในงานนี้ เป็นรุ่นเครื่องยนต์พื้นฐาน MINI Cooper Countryman ALL4 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ 136 แรงม้า มาพร้อมกับสีใหม่ในชื่อสี Chestnut ที่ผมไม่รู้จะเรียกว่ามันเป็นโทนสีส้มเข้ม หรือสีทองแดง หรือสีน้ำตาลอ่อนกันแน่ ให้ลองสังเกตกระจังหน้าและกันชนนะครับ สำหรับชุดแต่งแบบเบสิคที่สุดก็จะได้กระจังหน้ากับกันชนแบบคันสี Chestnut นี้

img_1344

img_1376

คันที่สอง เป็น MINI Cooper S Countryman ALL4 ครับ คันนี้มาพร้อมกับสีใหม่เช่นกันในชื่อสี Island Blue โดยรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S นี้ จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 192 แรงม้า ความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ และคันที่โชว์นี้ ได้ใส่ชุดแต่งกันชน ALL4 มาด้วย โดยให้สังเกตแผงพลาสติกสีดำที่บริเวณกันชนหน้า และกันชนหลังครับ เป็นชุดแต่งที่เพิ่มลุคของความสมบุกสมบันขึ้นมาได้ระดับนึงเลยครับ

img_1353

img_1358

คันสุดท้าย และเป็นไฮไลต์สำคัญ ก็คือ MINI Cooper S E Countryman ALL4 รถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกของแบรนด์ MINI ครับ คันนี้มาในสี Melting Silver ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ 136 แรงม้า เช่นเดียวกับรุ่น Cooper ปกติ แต่เสริมพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังได้สูงสุดอีก 88 แรงม้า ซึ่งเมื่อทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพร่วมกันแล้ว จะให้กำลังสูงสุดที่ 224 แรงม้าเลยทีเดียว และสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ไฟฟ้า 100%, โหมด Auto eDrive ให้รถคำนวนการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม หรือจะเป็นโหมด Sport ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่

img_1354

img_1360

ส่วนสำคัญของรุ่น Cooper S E นี้ ก็คือการเลือกใช้สัญลักษณ์ตัว S สีเหลืองเป็นครั้งแรก (ปกติตัว S จะเป็นสีแดงมาโดยตลอด) ที่เน้นว่า นี่คือขุมพลัง Cooper S แบบรักโลก ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานแบบไฮบริดนั่นเอง บวกกับสัญลักษณ์ตัว E ที่ MINI ออกแบบมาได้อย่างน่ารัก คือเป็นตัว E สีเงิน สวมเข้ากับรูปหัวปลั๊กสีเหลืองได้อย่างลงตัว  ติดอยู่ที่บริเวณฝากระโปรงท้ายของตัวรถ อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น Cooper S E

Side Scuttle

img_1275

กรอบไฟเลี้ยว หรือ side scuttle รูปทรงใหม่ ของ MINI Countryman ทำเป็นลักษณะคล้ายลูกศรชี้ไปด้านหน้าตัวรถ ถ้าเป็นรุ่นเครื่องยนต์พื้นฐาน หรือรุ่น Cooper ก็จะเป็นกรอบสีดำแบบนี้ และมีเขียนว่า MINI อยู่ตรงกลางครับ

img_1280

ขยับขึ้นมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S ก็จะมีการออกแบบ Side Scuttle ให้มีสัญลักษณ์ตัว S อยู่ตรงกลาง เพื่อบ่งบอกและแสดงตัวตนแห่งความสปอร์ตมากขึ้น

img_1324

และในรุ่น Cooper S E ที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรีไฟฟ้าได้นั้น บริเวณ Side Scuttle ก็จะใช้สัญลักษณ์ตัว E/หัวปลั๊ก ได้อย่างสวยงามลงตัวเข้ากับตัวรถ โดยที่บริเวณ Side Scuttle ด้านซ้ายของตัวรถนี้ จะสามารถกดเพื่อเปิดฝาออกมาเป็นช่องเสียบชาร์จไฟได้ด้วย ออกแบบมาได้แนบเนียนเลย

img_1323

กดเปิดฝาออกมา จะเจอกับช่องเสียบชาร์จไฟแบบนี้ครับ พร้อมไฟวงแหวนโดยรอบ เพื่อบ่งบอกสถานะของการชาร์จแบตเตอรี่

Wheels

img_1390

MINI Countryman โฉมใหม่นี้ มาพร้อมกับล้อลายใหม่อีกหลายลายเลยครับ อย่างลายในภาพนี้ เป็นขนาด 19 นิ้วลายใหม่ สีใหม่ ที่ทาง MINI ภูมิใจนำเสนออย่างมาก ว่าสวยงามลงตัวเข้ากับความใหญ่โตของ Countryman โฉมใหม่นี้เป็นอย่างดี

Size

img_1343

ด้วย MINI Countryman ใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ทำให้ส่งผลดีต่อความสะดวกสบายในการขึ้นลงรถ และพื้นที่ภายในห้องโดยสารรถอย่างมากครับ โดยเฉพาะประตูด้านหลัง ที่มีความยาวมากขึ้น ขึ้นลงง่ายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

img_1191

Picnic Bench

img_1288

หนึ่งฟีเจอร์ใหม่ของ MINI Countryman โฉมนี้ ก็คือสิ่งทื่เรียกว่า Picnic Bench ที่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในฝากระโปรงท้าย สามารถยกขึ้นเพื่อกาง Picnic Bench ขึ้นมาครอบกันชนหลัง ที่ให้ประโยชน์สองอย่าง คือเราสามารถยกของ เช่นกระเป๋าเดินทาง ขึ้นรถได้โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปข่วนกันชนอันสวยงามของเราจนเป็นรอย

img_1210

หรือจะใช้นั่งแบบนี้ เพื่อใช้ในการ ‘Picnic’ ก็ทำได้เช่นกัน โดยมินิระบุว่า ตั้งใจออกแบบมาให้เป็นเบาะ สามารถนั่งได้เวลาเดินทางไปปิกนิก เปิดฝากระโปรงท้าย นั่งกันแบบชิลๆ

img_1289

ตอนเก็บเข้าไป จะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นในที่เก็บสัมภาระครับ เก็บง่าย และกางออกมาง่าย เพราะมันจะพับเข้าที่ของมันได้เองอยู่แล้ว ใช้งานสะดวกดีมากๆ

img_1291

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ MINI ได้ฟีเจอร์ฝากระโปรงท้ายแบบไฟฟ้า ที่สามารถสั่งเปิดได้จากปุ่มภายในรถ, จากรีโมทรถ และ จากการกดปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย และสามารถสั่งปิดได้แบบไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

img_1293

เบาะปรับไฟฟ้า สำหรับเบาะที่นั่งคู่หน้า ก็มาอยู่ใน MINI Countryman ด้วยครับ พร้อม memory profile ถือเป็นมินิรุ่นที่สองที่มีฟีเจอร์เบาะไฟฟ้า ถัดมาจาก MINI Clubman ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

Engine Room

img_1202

ห้องเครื่องยนต์ของ MINI Countryman โฉมใหม่ ดูใหญ่ขึ้นกว่ารุ่น Hatch รวมถึงใหญ่ขึ้นกว่า MINI Countryman โฉมเดิมเยอะ แต่การวางเลย์เอ้าท์ของเครื่องยนต์ ก็ยังคงใกล้เคียงกับ MINI Hatch โฉมปัจจุบันและ MINI Clubman อยู่มาก เพราะมีการใข้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันนั่นเอง

Interior

img_1295

ภายในห้องโดยสารกันบ้างครับ คอนโซลมีการปรับปรุงใหม่ ให้เข้ากับขนาดของตัวรถที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะหน้าจอกึ่งกลางรถ และพื้นที่โดยรอบซ้ายขวา ที่มีการวางเส้นสายใหม่ แตกต่างจากรุ่น Hatch และ Clubman อยู่มากพอสมควร และดูล้ำยุคขึ้นเยอะ

img_1297

นี่แหละครับ หน้าจอกึ่งกลางรถ ที่มีพื้นที่ด้านข้างเยอะขึ้น และมีการออกแบบช่องแอร์ใหม่ กลายเป็นทรงสี่เหลี่ยมเป็นครั้งแรก (มินิใช้ช่องแอร์รูปทรงวงกลมมาโดยตลอด) ดูแปลกตาไปอีกแบบ

img_1298

ปุ่มปรับแอร์, ฟังก์ชั่นต่างๆ และปุ่มสตาร์ท ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ MINI Hatch และ MINI Clubman โฉมปัจจุบันครับ แต่จะสังเกตได้ว่ามีพื้นที่เยอะกว่ามาก ทำให้บริเวณคอนโซลนี้ดูไม่แออัดจนเกินไป สวยงามลงตัว

img_1363

ในรุ่น Cooper S E Countryman ที่เป็น Plug-in Hybrid นั้น ปุ่มสตาร์ทจะเป็นสีเหลืองแทน และจะมาพร้อมกับสวิตช์ eDRIVE สำหรับปรับโหมดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เลือกปรับได้ทั้ง Auto eDRIVE และ MAX eDRIVE ตามความต้องการในขณะนั้นๆ ซึ่งเดี๋ยวเราคงจะได้มารีวิวกันอย่างละเอียดอีกครั้งตอนที่ได้ทดลองขับเจ้า Cooper S E Countryman คันจริงกันนะครับ

MINI Connected

img_1367

img_1366

img_1368

ของใหม่อีกอย่างใน Countryman โฉมใหม่นี้คือ อินเทอร์เฟซบนหน้าจอ MINI Connected แบบใหม่ครับ ดูน่ารักสวยงามมากขึ้นเยอะ และมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เสียดายที่ยังเป็นรถยนต์สำหรับจอดโชว์ในงาน ที่เราไปเล่นกับฟีเจอร์ต่างๆ ได้ไม่เต็มที่ ตรงนี้ผมขอติดไว้ก่อน และจะนำมารีวิวให้ชมกันอีกครั้งอย่างละเอียดนะครับ

img_1300

อีกส่วนหนึ่งที่ถูกปรับมาใช้ใน MINI Countryman นี้เช่นกัน ก็คือเบรกมือไฟฟ้าครับ หลังจากที่ MINI ได้เลือกใช้เบรกมือไฟฟ้ากับ MINI Clubman ไปแล้ว ครั้งนี้ก็เลยเอามาใช้กับ Countryman โฉมใหม่ด้วย โดยจะเป็นเบรกมือไฟฟ้าแบบนี้ทุกรุ่น ประหยัดพื้นที่ใช้สอย และดูเป็นระเบียบมากขึ้นกว่าเดิม

img_1193

ที่นั่งด้านหลัง เป็นสามที่นั่งแบบ 2+1 ไม่มีช่องกั้นที่พื้น ให้พื้นที่วางขาได้อย่างเต็มที่ และสังเกตได้ว่า มีความกว้างกว่ารุ่นเดิมเยอะ นั่งสบายขึ้นเยอะเลยครับ

img_1194

ขึ้นไปนั่งแล้ว ก็เหลือที่แบบสบายๆ ไม่อึดอัดแม้จะเลื่อนเบาะด้านหน้าถอยลงมาจนสุดแล้วก็ตาม

img_1195

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังก็มาครับ หลังจากที่เรียกร้องกันมานานจาก MINI Countryman รุ่นก่อนหน้า ที่มีปัญหาแอร์ไม่ถึงผู้โดยสารแถวหลัง มารุ่นนี้ขนาดใหญ่ขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องมีช่องแอร์ของผู้โดยสารแถวหลังให้มาด้วย พร้อมช่องจุดบุหรี่ สำหรับเสียบชาร์จไฟได้อีกหนึ่งช่อง

img_1382

ก็เป็นการพรีวิวแบบคร่าวๆ กันก่อนนะครับสำหรับ MINI Countryman โฉมใหม่ จากงาน World Premiere ที่ลอสแองเจลิสครับ รถรุ่นนี้มีการประกาศว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และจะตามด้วยตลาดยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป ผมคาดว่า MINI Countryman โฉมใหม่นี้ จะเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมปีหน้า โดยน่าจะเริ่มเปิดให้จอง และน่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเริ่มส่งมอบได้ (อาจเป็นช่วงกลางปี) โดยในระยะเริ่มแรก จะเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคันก่อน ราคาเปิดตัวน่าจะสูงกว่ารุ่นปัจจุบันที่ประกอบในประเทศมากพอสมควร ส่วน Countryman โฉมนี้ จะนำเข้ามาประกอบในประเทศเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางด้านภาษีหรือไม่ หรือจะเริ่มประกอบในไทยช่วงเดือนไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ ผมจะเอามารายงานเป็นระยะๆ กันต่อไปครับ

img_1212

Comments: