รีวิว MINI Paceman ศิลปินแห่งท้องถนน

หลายๆ คนอาจจะเริ่มเห็นรถ MINI ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นจนเริ่มจำกันไม่หวาดไม่ไหว และปลายปี 2012 ก็มีการเปิดตัว MINI รุ่นล่าสุด ที่ถือว่าเป็น MINI ตัวถังแบบที่ 7 ของครอบครัว MINI ในชื่อ MINI Paceman ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์เอนกประสงค์กลุ่มใหม่ ออกแบบมาด้วยความกล้าหาญชาญชัยของทีมดีไซน์ MINI อย่างแท้จริง

MINI เผยโฉม MINI Paceman ครั้งแรกในรูปแบบของรถ Concept ก่อน ที่งาน Detroit Auto Show ตั้งแต่ต้นปี 2011 เป็นผลงานการออกแบบของ Gert Hildebrand อดีตหัวหน้าทีมออกแบบของ MINI Clubman, MINI Countryman และ MINI Coupe โดย MINI Paceman Concept ใช้ขนาดตัวถังและฐานล้อร่วมกับ MINI Countryman และใช้เวลาเกือบ 2 ปีหลังจากที่ Paceman Concept เผยโฉม จน MINI เปิดตัว MINI Paceman รุ่นขายจริงอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2012 และเพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok International Motor Show 2013 ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Paceman Concept

MINI Paceman เป็นรถกลุ่มที่ MINI เรียกขึ้นมาว่า Sports Activity Coupe ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ไม่เคยมีมาก่อนกับรถรุ่นใดๆ ในโลก เป็นการเปิด category ใหม่ด้วยการผสมผสานความ Sport, ใช้งานได้เอนกประสงค์ และยังมีความเป็นรถ Coupe 2 ประตู 4 ที่นั่ง เป็นการรวมนวัตกรรมแห่งความหรูหรา ดีไซน์ที่ปราณีต ความเอนกประสงค์ของพื้นที่ใช้สอย และ การขับขี่ที่เน้นความสนุกสนานสไตล์มินิ

นั่นคือสิ่งที่อยู่ในเอกสาร ข้อความที่ร้อยเรียงมาใช้ในการเปิดตัวต่างๆ … แต่ MINI Paceman ของจริงจะเป็นอย่างไร ตามผมไปชมพร้อมกันครับ

การออกแบบ

IMG_0175

 

IMG_0174

IMG_0172

MINI Paceman รุ่นที่รีวิวให้ชมวันนี้ เป็น MINI Cooper S ALL4 Paceman สี Starlight Blue ซึ่งเป็นสีที่สงวนไว้เฉพาะ MINI Paceman เท่านั้น ไม่ใช้ใน MINI ตัวถังแบบอื่นๆ เป็นสีน้ำเงินอมม่วงนิดๆ สดใสสะดุดสายตา สีหลังคาสามารถเลือกสีขาวหรือสีดำได้ มิติของตัวรถ MINI Paceman มีความกว้าง และ ความยาว เท่ากับ MINI Countryman พอดิบพอดี แต่มีความสูงน้อยกว่า (ประมาณ 5 เซนติเมตร) จากการที่ไม่มีแร็คหลังคา รวมถึงดีไซน์หลังคาที่ลาดลงทางด้านท้ายรถ และมีเพียง 2 ประตูเท่านัน ต้องพับเบาะคู่หน้าเพื่อที่จะให้ผู้โดยสารแถวหลังขึ้นไปนั่งได้

*เหตุผลที่ผมใช้คำว่า 2 ประตู แทนที่จะเป็น 3 ประตู เพราะคำว่า “ประตู” ควรเปิดได้จากทั้งสองด้าน ในขณะที่ฝากระโปรงท้ายของรถ MINI ไม่สามารถเปิดจากด้านในรถได้ รวมถึงผู้โดยสารในรถ MINI ไม่สามารถปีนออกทางด้านฝากระโปรงท้ายได้ครับ*

R60R61

คนที่คุ้นเคยกับ MINI Countryman ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่า MINI Paceman มีครึ่งหน้าที่เหมือนกับ Countryman มาก โดยมีการใช้อะไหล่ร่วมกันเกือบทั้งหมด ทั้งกระจังหน้า ไฟหน้า และฝากระโปรงรถ รวมถึงมีการใช้ฐานล้อร่วมกัน จึงทำให้ MINI Paceman และ MINI Countryman มีความยาวของตัวรถที่เท่ากัน แต่มวลน้ำหนักของ Paceman เบากว่า Countryman อยู่ประมาณ  10 กิโลกรัม และที่สำคัญคือ จุด CG ของ MINI Paceman อยู่ต่ำกว่า MINI Countryman ประมาณ 1 นิ้ว

IMG_0176

IMG_0177

IMG_0051

ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของ MINI Paceman เห็นจะเป็นส่วนท้ายของตัวรถ ที่เป็นครั้งแรกของ MINI ในการออกแบบไฟท้ายในรูปทรงแนวนอน (รุ่นอื่นๆ ไฟท้ายจะเป็นแนวตั้งทั้งหมด) ผสมผสานอย่างลงตัวกับโลโก้ MINI ขนาดใหญ่ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเปิดฝากระโปรงท้าย และชื่อรุ่น Paceman เรียงอยู่ด้านล่างของโลโก้อย่างสมดุล ที่เป็นครั้งแรกของแบรนด์ MINI อีกเช่นกันในการใส่ชื่อรุ่นลงไปที่ตัวรถ โดยมีการเพิ่มออพชั่นนี้ให้กับ Countryman ในภายหลังด้วย

IMG_0057 IMG_0056

ฝากระโปรงท้ายรถ เปิดได้ 3 วิธี คือการดันโลโก้ MINI กึ่งกลางฝากระโปรงท้ายเข้าไปเป็นมือจับ, เปิดจากสลักที่ตำแหน่งคนขับ หรือเปิดด้วยกุญแจรีโมทของตัวรถ เมื่อเปิดขึ้นมาจะเจอกับแผ่นกั้นระหว่างพื้นที่สัมภาระกับห้องโดยสาร (สามารถถอดออกได้) และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ 330 ลิตร พร้อมสายรัดไม่ให้สัมภาระกลิ้งไปมา

IMG_0204 IMG_0080

เบาะหลัง สามารถพับลงไปเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้จาก 330 ลิตร เป็น 1,080 ลิตร โดยดึงเชือกที่อยู่ด้านหลังเบาะจากการเปิดฝากระโปรงท้ายเท่านั้น เบาะหลังไม่สามารถพับจากห้องโดยสารรถได้ นั่นแปลว่า เราไม่สามารถหยิบของจากพื้นที่เก็บสัมภาระจากที่นั่งในตัวรถได้ครับ ต้องจอดรถเพื่อลงมาเปิดฝากระโปรงท้ายอย่างเดียว

สำหรับคนที่สงสัยว่า ถ้าไม่พับเบาะ ใส่ถุงกอล์ฟได้ไหม? ตอบเลยว่า ไม่ได้ครับ

IMG_0066

MINI Cooper S ALL4 Paceman มีอุปกรณ์มาตรฐานติดรถเป็นล้ออัลลอยด์ ลาย R139 Y-Spoke ขนาด 19 นิ้ว ใหญ่สะใจ พร้อมยาง Pirelli P Zero รันแฟลทขนาด 225/40R19 (เฉพาะยางชุดนี ก็แพงระยับแล้ว) รวมถึงมีเทคโนโลยี ALL4 ช่วยขับเคลื่อน 4 ล้อเมื่อจำเป็นอีกด้วย

IMG_0050

ห้องโดยสาร

IMG_0076

ประตูของรถ MINI Paceman มีรูปแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนกับ MINI โฉมอื่นๆ อย่างชัดเจน คือไม่ได้เป็นประตูขอบตัดเหมือนกับ MINI Countryman และก็ไม่ใช่ประตูขนาดมาตรฐานจาก MINI Hatch แต่มีการออกแบบให้เข้ากับรูปทรงของ Paceman โดยเฉพาะ โดยที่มีปีกประตูค่อนข้างยาว จะเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในการขึ้นลงมากกว่ารถ MINI รุ่นอื่นๆ พอสมควร (ต้องระวังเป็นพิเศษหากไปจอดในที่แคบ) มือจับประตูด้านนอกเป็นอะไหล่ร่วมกับรถ MINI รุ่นอื่นๆ ในขณะที่แผงประตูด้านใน ยังคงออกแบบด้วยรูปทรงวงรีขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของแผงประตูรถ MINI และมีที่พักแขนมาให้ด้วย ขอบประตูด้านล่างมีคิ้วยาง ป้องกันไม่ให้บันไดของตัวรถสกปรกจากละอองน้ำ

IMG_0075

IMG_0206

การขึ้นลงของผู้โดยสารแถวหลัง จำเป็นต้องพับเบาะคู่หน้าก่อน ถึงจะปีนเช้าไปได้ (เช่นเดียวกับ MINI Hatch) โดยพื้นที่ในการเข้าออกมีมากแบบเหลือเฟือ และบันไดก็ไม่กว้างจนเกินไป ทำให้การขึ้นลงไม่ลำบากแต่อย่างใดครับ ซึ่งพื้นที่วางขาหรือ leg room จะเป็นการใช้ร่วมกันระหว่างผู้โดยสารด้านหน้ากับด้านหลัง ถ้าเลื่อนเบาะหน้าไปข้างหน้ามาก ผู้โดยสารด้านหลังก็จะมีพื้นที่มากขึ้น คนที่ขายาวหน่อย อาจจะต้องจัดที่นั่งให้ไม่ตรงกับคนขายาวด้วยกัน เช่นเดียวกับ MINI Hatch และรถส่วนมากในตลาด เบาะคู่หลังของ Paceman ไม่สามารถปรับเอน หรือพับได้จากภายในห้องโดยสาร

IMG_0086 IMG_0088

IMG_0091

เบาะที่นั่งของ MINI Cooper S ALL4 Paceman เป็นเบาะหนังจำนวน 4 ที่นั่ง จุคนได้ 4 คนเท่านั้น โดยไม่มีออพชั่นเบาะหลังแบบ 3 คนให้เลือก เบาะคู่หน้าปรับเอนและปรับระดับด้วยคันโยก ไม่ใช้ระบบไฟฟ้า ส่วนเบาะหลังแยกเป็น 2 ที่นั่งขาดออกจากกัน มีราง Center Rail คั่นอยู่ระหว่างกลาง สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่นที่วางแก้ว, ที่วางโทรศัพท์มือถือ, กล่องเก็บแว่นกันแดด เป็นต้น ความสบายของผู้โดยสารแถวหลัง ถ้าไม่นับการที่ต้องปีนขึ้นลง มีค่อนข้างมาก เรียกว่าไม่แพ้ MINI Countryman เลยครับ นอกจากพื้นที่ leg room ที่เยอะแล้ว ผู้โดยสารแถวหลังยังมีที่วางแขนเล็กๆ มาให้ (ฝั่งที่ติดกับตัวถังรถ) แต่สำหรับคนที่สูงหน่อย (เกิน 180cm) อาจจะไม่สะดวกที่ต้องนั่งข้างหลัง เพราะรูปทรงหลังคาที่ลาดลง ทำให้ศีรษะค่อนข้างชิดกับหลังคาและอาจก่อให้เกิดอันตรายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เบาะคู่หลังของ MINI Paceman ยังรองรับที่นั่งเด็ก (child restraint system) ตามมาตรฐาน ISOFIX ด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดด้านการออกแบบที่เชื่อมมาถึงพื้นที่แถวหลังที่น่าสนใจคือ มีขอบของวงรีจากแผงประตูรถ ต่อยาวมาให้เห็นถึงด้านหลังด้วย ที่เป็นการเก็บงานดีไซน์ที่มีให้เห็นอยู่เป็นประจำตามสไตล์มินิหลากหลายรุ่นที่ผ่านมา

IMG_0097 IMG_0137

Dashboard

IMG_0095

IMG_0106 IMG_0221

แผงคอนโซลหน้ารถ บอกตามตรงเลยว่า ถ้าจับผูกตามานั่งที่คนขับแล้วเปิดตามา คงจะแยกกันลำบากแน่ระหว่าง MINI Paceman กับ MINI Countryman ครับ เพราะมีการใช้อะไหล่ร่วมกันเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน จับกระชับมือ ปรับระดับใกล้/ไกล, สูง/ต่ำได้อย่างละเอียด มีแพดเดิลชิฟท์สำหรับเปลี่ยนเกียร์ ปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งซ้ายเป็นการควบคุม in-car entertainment ทั้งการฟังเพลง, โทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียง ส่วนปุ่มบนพวงมาลัยฝั่งขวา เป็นชุด Cruise Control ไม่ต่างจาก MINI รุ่นอื่นๆ หน้าปัดหลังพวงมาลัยเป็นเข็มวัดรอบและไฟสถานะ ส่วนเข็มวัดความเร็วจะอยู่บริเวณกึ่งกลางตัวรถตามคอนเซปต์ Central Speedometer ของ MINI ใหญ่พอๆ กับนาฬิกาติดผนังตามบ้าน ล้อมรอบหน้าจอดิจิทัล ที่รองรับฟีเจอร์ MINI Connected

ตำแหน่งของช่องแอร์วงกลม และ Central Speedometer กึ่งกลางตัวรถ มีการวางตำแหน่งเหมือนกับ MINI Countryman ทุกประการ ที่หลายคนอาจจะมองเป็นหน้า Mickey Mouse ขนาดใหญ่อยู่กลางตัวรถนั่นเองครับ

IMG_0213 IMG_0214

ใน MINI รุ่นใหม่ๆ ที่ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะไม่มีฟีเจอร์ Navigation ติดมาให้แล้ว เพราะฟีเจอร์นี้ไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้อย่างเป็นทางการ ทางมินิประเทศไทยจึงตัดสินใจที่จะตัดฟีเจอร์ MINI Navigation System นี้ออก เหลือเพียงชุด MINI Visual Boost เท่านั้น

ระบบเกียร์ของ MINI Cooper S ALL4 Paceman เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ชุดเดียวกับที่ใช้ใน MINI โฉมอื่นๆ ในปัจจุบัน มีโหมดสปอร์ตที่สามารถใช้งานได้ 2 วิธี คือโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง M/S หรือจะใช้วิธีการกดปุ่มสปอร์ตก็ได้ ใกล้กับคันเกียร์ มีช่องวางแก้วน้ำมาให้ 2 ช่อง และมีช่องสำหรับเก็บของเล็กๆ มาให้ (ย้ำว่า เล็กจริงๆ) ใครที่คุ้นเคยกับช่องเก็บของมากมายมหาศาลจากรถค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ มาเจอ MINI แต่ละรุ่น อาจจะอึดอัดเล็กน้อยครับ

IMG_0217

อีกจุดหนึ่งที่มีความแออัดคือบริเวณเบรคมือของตัวรถที่อยู่ระหว่างที่นั่งคู่หน้า ซึ่ง MINI เลือกใช้เบรคมือรูปทรงคันโยกขนาดใหญ่ แบบเดียวกับที่ใช้ใน MINI Countryman และวางตำแหน่งของพอร์ท USB/AUX เอาไว้กึ่งกลาง และมีราง Center Rail สั้นๆ เป็นกล่องเก็บแว่นตามาให้ ประกอบกับ MINI Cooper S ALL4 Paceman คันนี้ มีที่พักแขนมาซ้อนด้านบนไปอีกหนึ่งชั้น ทำให้การเข้าถึงส่วนต่างๆ ในบริเวณนี้เป็นไปได้ค่อนข้างลำบาก ทั้งการเสียบสาย USB สำหรับ MINI Connected, การเปิดกล่องแว่นตา ที่ต้องยกที่พักแขนขึ้นก่อน จึงจะเปิดได้ รวมถึงการปรับเอนของเบาะคู่หน้า ซึ่งที่ปรับเอนอยู่ด้านข้างเบาะฝั่งที่อยู่กึ่งกลางรถอีก ทำให้ต้องล้วงมือเข้าไปปรับ

IMG_0210 IMG_0208

MINI Paceman ได้ทำการย้ายเอาสวิตช์เปิดกระจก จากเดิมที่อยู่บริเวณกึ่งกลางตัวรถใกล้กับสวิตช์แอร์ มาอยู่ที่บริเวณแผงประตูคนขับแทน โดยฝั่งคนขับ จะสามารถเปิด/ปิดกระจกได้ทั้ง 2 บาน รวมถึงปรับมุมกระจกมองข้าง และพับกระจกมองข้างด้วยไฟฟ้าได้ ส่วนแผงประตูฝั่งคนนั่ง จะมีเพียงสวิตช์เปิด/ปิดกระจกของฝั่งตัวเองเท่านั้น ใครที่คุ้นเคยจาก MINI รุ่นอื่นๆ อาจจะต้องปรับความเคยชินของตำแหน่งสวิตช์กระจกเสียใหม่ใน MINI Paceman (รวมถึง MINI Countryman ตัวใหม่ๆ ด้วย)

IMG_0127

เรื่องของวัสดุที่ใช้ภายใน MINI Cooper S ALL4 Paceman คันนี้ นอกเหนือจากวัสดุมาตรฐานของ MINI ที่ใช้ร่วมกับรุ่นอื่นๆ แล้ว มีบางส่วนที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน เช่นวัสดุบุหลังคา (headlining anthracite) ถึงแม้ว่าจะเป็นสีดำ แต่เป็นวัสดุที่เปื้อนค่อนข้างง่าย (ที่เห็นในรูปนี่ก็เปื้อนไปบ้างแล้ว) และบุบเข้าไปค่อนข้างง่าย บวกกับ MINI Paceman ทุกรุ่นที่ทำตลาดในประเทศไทยผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะไม่มี glass roof  ทำให้มีพื้นที่ของวัสดุบุหลังคาเต็มพื้นที่ จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้งาน

IMG_0111 IMG_0122

ทัศนวิสัยในการขับขี่

MINI เป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องทัศนวิสัยในการขับขี่มาโดยตลอด และผมเองก็เป็นคนที่ชอบรถที่มีทัศนวิสัยที่ดี มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่าย ที่ต้องออกตัวก่อนเลยว่า MINI Paceman ไม่ใช่รถที่มีทัศนวิสัยที่ดีนักเมื่อเทียบกับ MINI รุ่นอื่นๆ … แต่ก็ไม่ถึงกับสอบตกนะครับ

IMG_0194

จุดแรกที่เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร คือกระจกมองข้างฝั่งซ้าย ที่ตอนแรกผมเองก็ไม่เชื่อว่า MINI จะออกแบบมาลักษณะนี้ คือต่อให้ปรับยังไง ก็ไม่สามารถมองเห็นกระจกมองข้างฝั่งซ้ายได้เต็มใบ มันจะถูกขอบประตูบังไปประมาณ 20% ของครึ่งล่างเสมอ ไม่ว่าจะปรับตำแหน่งที่นั่งคนขับให้สูงขึ้นมาจนสุดแล้วก็ตาม นับว่าเป็นจุดบอดของการออกแบบตำแหน่งกระจกมองข้างของ MINI รุ่นนี้ที่ยากจะทำใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับขี่จริง ที่มีรถ หรือมอเตอร์ไซค์เตี้ยๆ วิ่งมาด้านซ้าย อาจจะต้องถึงกับชะเง้อเพื่อมองตำแหน่งขณะเปลี่ยนเลนหรือทำการเลี้ยวซ้ายเลย

อีกหนึ่งสถานการณ์ที่ทำให้หนักใจ คือการจอดรถเทียบฟุตบาท ซึ่งประเทศเราจะต้องมีการจอดชิดขอบฟุตบาทด้านซ้ายอยู่เสมอ การปรับมุมกระจกมองข้างด้านซ้ายลง เพื่อดูขอบฟุตบาทกลายเป็นเรื่องยากสำหรับ MINI Paceman คันนี้ เพราะนอกจากมุมกระจกที่ต้องปรับลงแล้ว ต้องชะเง้อคอเพื่อจอดทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นล้อ Y-Spoke 19 นิ้วอันสวยงาม อาจต้องเบียดฟุตบาทเข้าสักวันแน่

IMG_0114

อีกจุดหนึ่งคือกระจกมองหลัง ที่การออกแบบตัวรถ MINI Paceman ใช้ความลาดของหลังคาค่อนข้างมาก ทำให้พื้นที่กระจกหลังของ Paceman ค่อนข้างเตี้ยเมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง ทำให้เหลือพื้นที่แคบๆ ให้มองเท่านั้น แต่จุดนี้เมื่อขับขี่จริง ก็พบว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร การมองด้านหลังของตัวรถเมื่อใช้ความเร็ว ยังคงมองเห็นได้ชัดเจนดี ส่วนการถอยจอด ก็มีเซนเซอร์ PDC, พน้าจอแสดงระยะห่าง และ เสียงเตือนระยะบอกอยู่แล้ว แค่ต้องใช้ความเคยชินในระยะแรกสำหรับการมองกระจกหลังเท่านั้น ปัญหาเดียวกันนี้เกิดกับ MINI Coupe และ MINI Roadster เช่นเดียวกัน ที่มีความสูงของกระจกหลังค่อนข้างน้อยครับ ใครที่คุ้นเคยกับรถที่กระจกมองหลังกว้างๆ มาก่อน อาจจะอึดอัดได้เล็กน้อยในระยะแรก

IMG_0182

การขับขี่เมื่อฝนตก ไม่พบปัญหาเรื่องทัศนวิสัยของกระจกหลังแต่อย่างใด เพราะ MINI Paceman มีใบปัดน้ำฝนหลังมาให้ ทำงานโดยการบิดก้านที่ปัดน้ำฝน และมีที่ฉีดน้ำยาทำความสะอาดกระจกหลังด้วย ซึ่งรถยนต์รูปทรงนี้ เวลาฝนตกก็จะมีละอองน้ำที่ตีกลับมาจากแรงลมท้ายรถ ทำให้ท้ายรถสกปรกเป็นธรรมดา และเป็นเรื่องที่แฟนๆ MINI คุ้นชินกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว (แฟนมินิเราแซวกันเป็นประจำว่าฝนตกทีไร ตูดดำทุกที)

เครื่องยนต์

IMG_0199

MINI Paceman รุ่นที่ทดสอบวันนี้ เป็นรุ่น MINI Cooper S ALL4 Paceman ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส N18 ความจุ 1.6 ลิตร เสริมกำลังด้วยเทอร์โบ Twin-Scroll ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 km/h ตามเอกสารเคลมตัวเลขไว้ที่ 8.2 วินาที เครื่องยนต์นี้เป็นเครื่องยนต์เดียวกับที่ใช้ MINI Cooper S โฉมอื่นๆ ตั้งแต่ MINI ทำการรีเฟรชไปในปี 2011

เทคโนโลยีและความปลอดภัย

airbags

MINI Paceman มาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยและเทคโนโลยีต่างๆ ของ MINI อย่างครบถ้วน มีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 7 ลูก (พวงมาลัย, คอนโซลฝั่งคนนั่ง, เข่าของผู้โดยสารแถวหน้า, ศีรษะทั้งสองฝั่งของตัวรถ, และที่เบาะคู่หน้าด้านที่อยู่ติดกับตัวถังรถทั้งสองฝั่ง), เทคโนโลยี DSC/DTC รวมถึงเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ ALL4 (เฉพาะ Cooper S และ Cooper SD) ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน

IMG_0196

และเช่นเดียวกับ MINI รุ่นอื่นๆ คือ MINI Paceman ไม่มียางอะไหล่ครับ แต่ MINI เลือกที่จะใช้ยางรันแฟลทเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่สามารถขับได้แม้ยางแบนด้วยความเร็วไม่เกิน 80km/h

ไฟเบรคของ Paceman เป็นแบบ Dynamic Brake Lights ทำงาน 2 ระบบ คือสว่างเมื่อทำการเบรคปกติ และจะกระพริบเมื่อมีการเบรคกะทันหัน จากนั้นเมื่อความเร็วของรถลดลงถึงระยะที่ปลอดภัย ไฟเบรคจะติดค้าง พร้อมกับไฟฉุกเฉินจะกระพริบเองโดยอัตโนมัติ เพื่อเตือนรถที่ใช้ความเร็วตามมาด้านหลัง

Cruise Control ในรถ MINI ยังคงเป็น Cruise Control ตัวเดียวกับที่ใช้กับ MINI เจเนอเรชั่นที่สองทั้งหมดตั้งแต่ปี 2006 สามารถควบคุมผ่านปุ่มบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันได้อย่างสะดวก ง่ายต่อการเข้าใจ นอกจากนี้บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ยังมีแป้น Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ได้เองทุกเวลา ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในโหมดเกียร์ออโต้ปกติ หรือในโหมดสปอร์ตก็ตาม

ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ถูกถ่ายทอดผ่านหน้าจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้วของตัวรถ ซึ่งมีฟีเจอร์ MINI Connected ติดตั้งมาให้ พร้อมเชื่อมต่อกับ iPhone ที่ลงแอพ MINI Connected ตามมาตรฐานของรถ MINI รุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีพอร์ท USB สำหรับรองรับเครื่องเล่น MP3 อื่นๆ, iPod Interface, ช่องเสียบ AUX, ระบบวิทยุ, เชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ, ระบบการคำนวนค่าต่างๆ ในการขับขี่ (journey computer), รวมถึงสามารถบ่งบอกสถานะของตัวรถได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวรถ, ลมยางอ่อน, ปัญหาเครื่องยนต์ต่างๆ ไปจนถึงเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับบริการจากศูนย์บริการด้วย

IMG_0226

กุญแจรถยนต์ของ MINI Paceman ยังคงเป็นกุญแจรีโมท หน้าตาเหมือนกับ ​MINI เจเนอเรชั่นปัจจุบันทุกประการ เรียกว่าถ้าเอากุญแจมาวางเรียงกันระหว่าง MINI แต่ละรุ่น ก็แยกกันไม่ออกว่าเป็นของรุ่นไหน แต่ความจริงแล้วกุญแจรีโมทของ MINI ที่หน้าตาแบบนี้ มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่นที่มากับรถที่มีฟีเจอร์ Comfort Access สามารถเปิดรถได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจ (เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ MINI Cooper S ALL4 Paceman คันนี้ด้วย) กุญแจรุ่นนั้นจะใช้ถ่านชนิดชาร์จไม่ได้ กับ MINI รุ่นที่ไม่มี Comfort Access เปิดปิดรถด้วยการกดปุ่มที่กุญแจ ถ้าจะสตาร์ทรถต้องเสียบกุญแจเข้าไปในแป้น รุ่นนั้นกุญแจจะมาพร้อมถ่ายชนิดชาร์จไฟได้ โดยกุญแจทั้งสองรุ่น จะเก็บค่าต่างๆ ไว้ในกุญแจ เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการในการอ่านข้อมูลต่างๆ เพื่อเข้ารับบริการของรถคันนั้นๆ ครับ

การขับขี่

IMG_0260

อ่านกันมาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะตั้งกำแพงเอาไว้แล้วว่า การขับขี่ของ MINI Paceman คงไม่ต่างอะไรจาก MINI Countryman ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน รถยาวเท่ากัน ฐานล้อเท่ากัน แถมใช้เครื่องยนต์เดียวกันอีก ซึ่งผมเองก่อนที่จะได้ทดลองขับ MINI Paceman คันนี้ ก็มีความคิดไม่ต่างกัน!

แต่พอได้ขับ MINI Paceman แล้ว เอาเข้าจริงๆ ต้องบอกเลยว่า มันไม่เหมือนกันเลยซักนิด!

ผมเองมีโอกาสได้ขับรถ MINI มาตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก และได้ขับมาแล้วครบทุกรหัสตัวถัง ตั้งแต่ R50 R53 R52 R56 R55 R57 R58 R59 R60 จนมาถึง MINI Paceman (R61) ตัวนี้ รับรู้ว่าคาแรคเตอร์ของรถ MINI เป็นอย่างไร จุดเด่นของแต่ละรุ่นออกมาเน้นในเรื่องไหน และทุกรุ่น MINI ก็ล้วนมีเหตุผลในความแตกต่างภายใต้คอนเซปต์เดียวกันมาโดยตลอด แม้กระทั่ง MINI ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน ใช้อะไหล่ส่วนมากของตัวรถร่วมกัน ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะออกมาเหมือนกัน

MINI Paceman เป็นรถที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของช่วงล่าง ที่กล้าบอกได้เลยว่านี่คือ MINI ที่ขับสบายที่สุดในบรรดา MINI ทุกรหัสตัวถัง… สบายที่ว่า คือขับไม่เหนื่อย และช่วงล่างนุ่มนวล ไม่กระด้าง ไม่เด้ง ถึงแม้ล้อที่ติดรถ MINI Cooper S ALL4 Paceman คันนี้จะใหญ่ถึง 19 นิ้ว (ใหญ่ที่สุดในบรรดาล้อมาตรฐานของแบรนด์ MINI) แถมเป็นยางรันแฟลทที่ปกติจะให้ความกระด้างมากกว่ายางทั่วไปก็ตาม จนมีบางอารมณ์เผลอคิดไปว่ามันสบายเกินรถ MINI มากไปหน่อยเลยเหมือนกัน

สิ่งที่น่าตกใจคือ MINI Paceman ที่ผมคาดหวังว่ามันจะเหมือนกับ MINI Countryman หรืออย่างน้อยให้มีความคล้ายกันบ้าง กลับแตกต่างกันมากจนลืมไปว่ารถสองรุ่นนี้ใช้อะไหล่ร่วมกันเลย คาแรคเตอร์ของรถ 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่า MINI Paceman จะมีความสบาย นุ่มนวลเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่สูญเสียอรรถประโยชน์ในการใช้งานบางอย่างไป แต่ MINI Paceman ยังคงความสนุกสนานในการขับขี่ ให้คนขับเป็นส่วนหนึ่งกับรถได้มากตามสไตล์ MINI และยังให้ความคล่องตัวที่มากกว่า MINI Countryman พอสมควร

อัตราเร่งของเครื่องยนต์ N18 เทอร์โบ 184 แรงม้าคันนี้ ยังคงไว้ใจได้เสมอ ไม่ต่างจาก MINI Cooper S ในตัวถังอื่นๆ ตัวเลขความเร็วระดับ 200 km/h สามารถไปถึงได้แบบไม่ต้องเค้น ไม่ต้องกดคันเร่งแช่จนพื้นแทบจะทะลุแต่อย่างใด และความเป็น MINI ที่ขับขี่สนุกสนาน ยังคงมีอาการให้เห็นกับรถไซส์ใหญ่อย่าง MINI Paceman คือมาครบทั้งเสียง และแรงดึงให้หลังแนบเบาะได้พอตื่นเต้น

ในโหมดสปอร์ต ไม่ว่าจะกดปุ่มสปอร์ตที่แผงสวิตช์ตรงกลางใกล้กันคันเกียร์ หรือจะโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง M/S ระบบคอมพิวเตอร์ก็จะคำนวนให้รถใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ที่นอกจากจะมีผลโดยตรงกับกำลังของเครื่องยนต์แล้ว มันยังส่งเสียงคำรามที่ไพเราะออกมาให้เลือดลมได้สูบฉีดอีกด้วย ยังไม่พอแค่นั้น เพราะในโหมดสปอร์ต ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าจะมีน้ำหนักที่มากขึ้น รวมถึงช่วงล่างก็จะมีความกระด้างขึ้นให้สมกับที่เป็นโหมดสปอร์ต ไม่ต่างจาก MINI โฉมอื่นๆ มากนัก (แต่ต้องไม่ลืมว่าโหมดสปอร์ตของ MINI นี่ซดน้ำมันเอาเรื่องทีเดียว)

IMG_0248

อาการท้ายโยนเมื่อเข้าโค้ง รถดิ้นเมื่อวิ่งผ่านรอยต่อของทางด่วนที่เป็นเรื่องปกติของ ​MINI เจเนอเรชั่นที่สอง แทบจะไม่ปรากฏให้เห็นใน MINI Paceman ซึ่งตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นผลของขนาดล้อ 19 นิ้ว หรือ ผลของการเซ็ทช่วงล่างและชุด Sports Suspension ของ MINI Paceman กันแน่ แต่นี่คืออีกเหตุผลหลักที่ทำให้ MINI Paceman เป็นรถที่ขับสบายมากที่สุดรุ่นหนึ่งของครอบครัว MINI

ระบบเบรคของ MINI Cooper S Paceman ใช้เบรคชุดเดียวกับ MINI Cooper S Countryman ด้วยดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ คู่หน้าใช้จานเบรคเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 307 มม. หนา 24 มม. คู่หลังเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 280 มม. หนา 10 มม. (หากเป็นรุ่น Cooper ขนาดจานเบรคคู่หน้าจะเล็กกว่าเล็กน้อย เหลือ 294 x 22 มม.)  ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรค ABS, ระบบ DSC/DTC รวมถึง EBD (Electronic brakeforce distribution) กระจายกำลังการเบรคของแต่ละล้อตามสภาพพื้นถนน, ความเร็วที่ใช้ รวมถึงน้ำหนักบรรทุกของตัวรถโดยอัตโนมัติ โดยระบบเบรคใน MINI Paceman ยังคงไว้ใจได้ดีไม่ต่างจาก MINI รุ่นอื่นๆ

พวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Steering (EPS) คำนวนการผ่อนแรงสัมพันธ์กับความเร็วของตัวรถที่ใช้ พวงมาลัยจะเบาที่ความเร็วต่ำหรือจอดอยู่นิ่ง เพื่อง่ายต่อการเลี้ยวและเข้าจอด น้ำหนักของพวงมาลัยจะค่อยๆ หนักขึ้นเมื่อมีการใช้ความเร็ว เพื่อความมั่นใจในการควบคุมรถ ซึ่ง EPS ใน MINI Paceman ตัวนี้ทำมาได้อย่างลงตัวมากๆ ไม่เบาจนเกินไป ส่วนตัวผมคิดว่ามันลงตัวกว่าที่อยู่ใน MINI Hatch เสียอีก ให้ความมั่นใจในการออกตัว การเปลี่ยนเลน ให้ความแม่นยำของพวงมาลัย และการควบคุมที่ความเร็วสูงเป็นอย่างดี

การเก็บเสียงในห้องโดยสาร ด้วยความที่ MINI Paceman เป็น MINI ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (จะเป็นรองก็แค่ MINI Countryman เท่านั้น) แถมมีเพียงแค่ 2 ประตู และเป็น 2 ประตูที่มีขอบหน้าต่างเสียด้วย (ต่างจาก MINI Hatch และ Coupe ทั้งหลาย ที่ไม่มีขอบหน้าต่าง) ทำให้การเก็บเสียงภายนอกดีกว่า MINI ในตัวถังอื่นๆ เล็กน้อย น่าเสียดายที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ลอง MINI Cooper SD ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลกับตัวถัง MINI Paceman นี้ ที่น่าจะบอกได้ดีขึ้นไปอีกว่ามีการเก็บเสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่ดังกว่าเบนซิน ไม่ให้เข้ามาในห้องโดยสารได้มากน้อยขนาดไหน

IMG_0266

ความสะเทือนที่เกิดขึ้น ในการโดยสารด้วยรถ MINI Paceman คันนี้ ผมออกตัวแรงไปแล้วว่ามันคือ MINI ที่สบายที่สุด และก็ไม่เกินความจริง เพราะไม่ได้สบายแค่ผู้โดยสารแถวหน้า แต่ผู้โดยสารแถวหลังก็ยังสบายกว่า MINI รุ่นอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความลำบากในการปีนเข้าออกจากตัวรถ แต่พื้นที่ leg room รวมถึงการให้เบาะคู่หลังมา 2 ที่นั่งแบบแยกขาดจากกัน ทำให้มีพื้นที่มาก ไม่รู้สึกอึดอัด ในขณะเดียวกัน ช่วงล่างก็ทำมาได้อย่างนุ่มนวล โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านสุดยอดถนนในกรุงเทพ ซอยที่เต็มไปด้วยฝาท่อ ก็ไม่มีอาการเด้งให้เห็นแบบที่เจอใน MINI Hatch หรือแม้กระทั่ง MINI Countryman

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันจากแฟนๆ มินิมาโดยตลอด ว่ารถ MINI รุ่นเดียวกัน มักมีทั้งคนบอกว่าซดน้ำมัน และประหยัดน้ำมัน ซึ่งที่แปลกคือ มันเป็นจริงตามนั้น!

MINI เป็นรถประหลาดที่ถ้าจะขับให้ประหยัดน้ำมัน ก็ประหยัดเหลือหลาย ผมขับ MINI Cooper S ALL4 Paceman เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินคันนี้ได้ประหยัดถึง 14.8 km/l ในเส้นทางประจำที่ผมใช้ ขณะเดียวกันมันก็เป็นรถที่ซดน้ำมันโฮกฮาก ได้แบบ 6 km/l ในเส้นทางเดียวกัน! เรียกว่าแปรตามพฤติกรรมการขับขี่ได้ในช่วงที่กว้างมากๆ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าใครได้มาอยู่หลังพวงมาลัย MINI Cooper S ซักคัน ไม่ว่าจะเป็นตัวถังใดก็ตาม คงอดไม่ได้ที่จะกดคันเร่งให้จมมิด และมีความสุขไปกับแรงกระชากที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสนุกสนานแน่นอน

สรุป

MINI Paceman เป็นรถ category ที่ยากต่อการอธิบายที่สุดรุ่นหนึ่งของ MINI มักมีคำถามว่า ทำไมต้องซื้อ Paceman? ถ้าอยากได้รถใหญ่ ทำไมไม่ไป Countryman เลย มี 4 ประตู ขึ้นลงสะดวกกว่ามาก ถ้าอยากได้เล็ก คล่องตัว ก็ลองไปดู Hatch ตัวถังสุดคลาสสิค.. นั่นสิครับ ทำไมต้อง Paceman?

นิยามของ Paceman หลังจากที่ผมได้ทดสอบอยู่หลายวัน ต้องบอกว่า ‘More Space than the Hatch, Sportier than the Countryman’

ตอนที่ MINI เปิดตัว MINI Countryman ในปี 2009 ทุกเสียงยืนยันว่า MINI Countryman คงจะเป็น MINI ที่ขายดีมากที่สุดตัวถังหนึ่งรองจาก MINI Hatch เพราะออกมารองรับตลาดที่ต้องการรถใหญ่กว่า MINI Hatch เดิม เอนกประสงค์ขึ้น เก็บของได้มากขึ้น และมี 4 ประตูขึ้นลงได้สะดวก แต่ยังคงความสนุกสนานในแบบฉบับของ MINI (อารมณ์ไม่ต่างจาก Porsche ตอนเปิดตัว Cayenne มากนัก) ซึ่ง ณ วันนั้น MINI ได้โฟกัสกับความเอนกประสงค์ของ Countryman เป็นความสำคัญลำดับแรก และก็ได้การตอบรับที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้

การหดประตูของ Countryman ลงเหลือ 2 ประตู เป็นแนวคิดที่พอเข้าใจได้ในแง่ของการตลาด (แม้กระทั่ง Land Rover Evoque ก็ทำ) แต่การลงทุนออกแบบใหม่ทั้งหมดอย่าง Paceman นับเป็นความกล้าหาญของทีม MINI อย่างมาก และบทพิสูจน์ก็ออกมาว่า MINI มีเหตุผลที่ดีในการออกแบบ MINI Paceman เพื่อเปิด category ใหม่ในชื่อ Sports Activity Coupe (ไม่ใช่ SUV และก็ไม่ใช่ SAV ด้วยนะ)

IMG_0282

ตลาดของ MINI Paceman ชัดเจนว่าไม่ใช่ตลาดที่มีอยู่เดิม แต่ MINI กำลังเปิดตลาดใหม่ สำหรับคนที่ไม่ต้องการซ้ำแบบใคร และ MINI พิสูจน์ให้เห็นได้เลยว่า Paceman แตกต่างอย่างชัดเจน ที่มาถึงบรรทัดนี้แล้ว ผมกล้าบอกว่า MINI ดึงเอาความสนุกที่มีอยู่ใน Hatch มาอยู่ในรถไซส์ใหญ่แบบ Paceman ได้มากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จะบอกว่า MINI พยายามทำ Countryman ให้สปอร์ตที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็ไม่น่าจะผิดเช่นกัน

ที่สำคัญกว่าส่วนผสมทั้งหลาย ในการสร้างความสมดุลระหว่างความสปอร์ต ความสนุก และพื้นที่ในการใช้งานจริง คือ มันสวย!

MINI Paceman โดดเด่นอย่างมากในด้านท้ายรถ ประกอบกับสีของตัวรถที่ไม่ซ้ำใคร (นอกจากสี Starlight Blue ที่เห็นคันนี้แล้ว ยังมีสีสวยๆ เช่นสีทองแดงให้เลือก) ผมเอามาขับอยู่หลายวัน เป็นรถที่เรียกสายตาจากคนรอบข้างได้มากพอสมควร แม้แต่ขับไปจอดตามห้าง หรือโรงแรม ก็มักจะได้ที่จอดรถพิเศษเสมอ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความตั้งใจ แปลกแต่เกิดขึ้นจริงในสังคมบ้านเรา รถสวยมักได้ที่จอดก่อนใครเพื่อน

ถึงแม้ว่า Paceman จะไม่ใช่รถที่เพอร์เฟค จุดอ่อนของมันมีให้เห็นพอสมควร ในความ”ไม่สุด” ใหญ่ไม่สุด เล็กไม่สุด นั่งได้ 4 คน แต่ต้องปีนขึ้นลง สปอร์ตกว่า Countryman แต่ไม่สปอร์ตเท่า Hatch กับ Coupe, เก็บของได้มากกว่า Hatch แต่ก็ไม่มากเท่า Countryman แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันกลับไม่มีข้อด้อยอะไรที่จะถูกปฏิเสธในการหยิบมันมาใช้งานในชีวิตประจำวันแม้แต่ข้อเดียว

ความคุ้มค่า เมื่อดูถึงค่าตัว 2.95 ล้านบาท สำหรับ MINI Cooper S ALL4 Paceman คันนี้ ถ้าย้อนกลับไปดูราคารถยนต์ MINI โฉมอื่นๆ ต้องบอกว่าทางมินิประเทศไทยเปิดราคามาได้สมเหตุสมผลดีแล้ว (แม้ว่าจริงๆ คนซื้อ MINI ไม่ค่อยได้ใช้เหตุผลในการซื้อเท่าไหร่หรอก การซื้อ MINI เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ) แต่ปัจจัยที่จะทำให้คนเบนเข็มออกจาก MINI Paceman คันนี้ ก็คงจะเป็นเพราะการตัดสินใจนำรถ MINI Countryman เข้ามาประกอบในประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2013 ที่ผ่านมา ทำให้ค่าตัว MINI Countryman ในประเทศไทยถูกกว่า MINI Paceman ที่ประกอบ ณ โรงงาน Magna Steyr ประเทศออสเตรีย หลายแสนบาททันที พอส่วนต่างเย้ายวน ก็อาจเปลี่ยนการตัดสินใจได้

โดยสรุป รถยนต์ที่ดูดี ใช้งานได้ทุกวัน ขับสนุก ไม่ซ้ำแบบใคร สวยพอที่จะเรียกสายตาจากคนรอบข้างได้ MINI Paceman เป็นหนึ่งในนั้นครับ

IMG_0023

มินิ ประเทศไทย ทำตลาด MINI Paceman ทั้งหมด 3 รุ่น คือ
MINI Cooper Paceman – 2,490,000 บาท
MINI Cooper S ALL4 Paceman – 2,950,000 บาท
MINI Cooper SD ALL4 Paceman – 3,190,000 บาท
ทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกัน MINI Service Inclusive (MSI) 3 ปี หรือ 50,000km

———-

อู๋ – @spin9

ขอขอบคุณ
มินิ ประเทศไทย
ACT Adcotec

Comments: