สวัสดีจากนครลอสแองเจลิสครับ ผมอยู่ที่งาน LA Auto Show 2016 ซึ่งปีนี้มีความหมายกับแฟนๆ มินิทั่วโลกมากเป็นพิเศษ เพราะมินิเลือกเอานครลอสแองเจลิสแห่งนี้ เป็นสถานที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ MINI Countryman โฉมใหม่ ที่ผมจะพาแฟนๆ มินิทุกคนไปรู้จักกับมันอย่างละเอียดกันในวันนี้ครับ
MINI ได้เปิดตัว MINI Countryman โฉมใหม่ โดยเผยรูปทางอินเทอร์เน็ตและเปิดเผยรายละเอียดของมันไปเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาครับ แต่เลือกที่จะอุบรถคันจริงเอาไว้ เพื่อมาทำการ World Premiere ในงาน LA Auto Show 2016 ที่นครลอสแองเจลิสวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนจากทั่วโลกจะได้มีโอกาสสัมผัสรถ MINI Countryman โฉมใหม่คันจริงทุกรายละเอียด และผมเองก็ได้เข้าชมงานตั้งแต่วันแรกนี้เลย เพื่อที่จะเอามาฝากแฟนๆ MINI-TH โดยเฉพาะครับ
ในงานนี้ MINI ได้เผยโฉม MINI Countryman โฉมใหม่ทั้งหมด 3 คัน ที่เป็น 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกัน ประกอบไปด้วย MINI Cooper Countryman ALL4 สี Chestnut (สีใหม่), MINI Cooper S Countryman ALL4 สีฟ้า Island Blue (สีใหม่) และ MINI Cooper S E Countryman ALL4 สี Melting Silver ที่เป็นรถ Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กได้รุ่นแรกของแบรนด์มินิ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเมื่อครั้งที่มินิเปิดเผยรายละเอียดของ MINI Countryman โฉมใหม่นี้ แนะนำให้อ่านที่นี่ก่อนครับ >> เปิดตัว 2017 MINI Countryman โฉมใหม่ (F60) อย่างเป็นทางการ
MINI Cooper Countryman ALL4
MINI Cooper S Countryman ALL4
MINI Cooper S E Countryman ALL4
คันแรกที่มินิเอามาโชว์ในงานนี้ เป็นรุ่นเครื่องยนต์พื้นฐาน MINI Cooper Countryman ALL4 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ 136 แรงม้า มาพร้อมกับสีใหม่ในชื่อสี Chestnut ที่ผมไม่รู้จะเรียกว่ามันเป็นโทนสีส้มเข้ม หรือสีทองแดง หรือสีน้ำตาลอ่อนกันแน่ ให้ลองสังเกตกระจังหน้าและกันชนนะครับ สำหรับชุดแต่งแบบเบสิคที่สุดก็จะได้กระจังหน้ากับกันชนแบบคันสี Chestnut นี้
คันที่สอง เป็น MINI Cooper S Countryman ALL4 ครับ คันนี้มาพร้อมกับสีใหม่เช่นกันในชื่อสี Island Blue โดยรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S นี้ จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 192 แรงม้า ความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ และคันที่โชว์นี้ ได้ใส่ชุดแต่งกันชน ALL4 มาด้วย โดยให้สังเกตแผงพลาสติกสีดำที่บริเวณกันชนหน้า และกันชนหลังครับ เป็นชุดแต่งที่เพิ่มลุคของความสมบุกสมบันขึ้นมาได้ระดับนึงเลยครับ
คันสุดท้าย และเป็นไฮไลต์สำคัญ ก็คือ MINI Cooper S E Countryman ALL4 รถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกของแบรนด์ MINI ครับ คันนี้มาในสี Melting Silver ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ 136 แรงม้า เช่นเดียวกับรุ่น Cooper ปกติ แต่เสริมพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังได้สูงสุดอีก 88 แรงม้า ซึ่งเมื่อทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพร่วมกันแล้ว จะให้กำลังสูงสุดที่ 224 แรงม้าเลยทีเดียว และสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ไฟฟ้า 100%, โหมด Auto eDrive ให้รถคำนวนการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม หรือจะเป็นโหมด Sport ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่
ส่วนสำคัญของรุ่น Cooper S E นี้ ก็คือการเลือกใช้สัญลักษณ์ตัว S สีเหลืองเป็นครั้งแรก (ปกติตัว S จะเป็นสีแดงมาโดยตลอด) ที่เน้นว่า นี่คือขุมพลัง Cooper S แบบรักโลก ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานแบบไฮบริดนั่นเอง บวกกับสัญลักษณ์ตัว E ที่ MINI ออกแบบมาได้อย่างน่ารัก คือเป็นตัว E สีเงิน สวมเข้ากับรูปหัวปลั๊กสีเหลืองได้อย่างลงตัว ติดอยู่ที่บริเวณฝากระโปรงท้ายของตัวรถ อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น Cooper S E
Side Scuttle
กรอบไฟเลี้ยว หรือ side scuttle รูปทรงใหม่ ของ MINI Countryman ทำเป็นลักษณะคล้ายลูกศรชี้ไปด้านหน้าตัวรถ ถ้าเป็นรุ่นเครื่องยนต์พื้นฐาน หรือรุ่น Cooper ก็จะเป็นกรอบสีดำแบบนี้ และมีเขียนว่า MINI อยู่ตรงกลางครับ
ขยับขึ้นมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S ก็จะมีการออกแบบ Side Scuttle ให้มีสัญลักษณ์ตัว S อยู่ตรงกลาง เพื่อบ่งบอกและแสดงตัวตนแห่งความสปอร์ตมากขึ้น
และในรุ่น Cooper S E ที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรีไฟฟ้าได้นั้น บริเวณ Side Scuttle ก็จะใช้สัญลักษณ์ตัว E/หัวปลั๊ก ได้อย่างสวยงามลงตัวเข้ากับตัวรถ โดยที่บริเวณ Side Scuttle ด้านซ้ายของตัวรถนี้ จะสามารถกดเพื่อเปิดฝาออกมาเป็นช่องเสียบชาร์จไฟได้ด้วย ออกแบบมาได้แนบเนียนเลย
กดเปิดฝาออกมา จะเจอกับช่องเสียบชาร์จไฟแบบนี้ครับ พร้อมไฟวงแหวนโดยรอบ เพื่อบ่งบอกสถานะของการชาร์จแบตเตอรี่
Wheels
MINI Countryman โฉมใหม่นี้ มาพร้อมกับล้อลายใหม่อีกหลายลายเลยครับ อย่างลายในภาพนี้ เป็นขนาด 19 นิ้วลายใหม่ สีใหม่ ที่ทาง MINI ภูมิใจนำเสนออย่างมาก ว่าสวยงามลงตัวเข้ากับความใหญ่โตของ Countryman โฉมใหม่นี้เป็นอย่างดี
Size
ด้วย MINI Countryman ใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ทำให้ส่งผลดีต่อความสะดวกสบายในการขึ้นลงรถ และพื้นที่ภายในห้องโดยสารรถอย่างมากครับ โดยเฉพาะประตูด้านหลัง ที่มีความยาวมากขึ้น ขึ้นลงง่ายกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
Picnic Bench
หนึ่งฟีเจอร์ใหม่ของ MINI Countryman โฉมนี้ ก็คือสิ่งทื่เรียกว่า Picnic Bench ที่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ในฝากระโปรงท้าย สามารถยกขึ้นเพื่อกาง Picnic Bench ขึ้นมาครอบกันชนหลัง ที่ให้ประโยชน์สองอย่าง คือเราสามารถยกของ เช่นกระเป๋าเดินทาง ขึ้นรถได้โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปข่วนกันชนอันสวยงามของเราจนเป็นรอย
หรือจะใช้นั่งแบบนี้ เพื่อใช้ในการ ‘Picnic’ ก็ทำได้เช่นกัน โดยมินิระบุว่า ตั้งใจออกแบบมาให้เป็นเบาะ สามารถนั่งได้เวลาเดินทางไปปิกนิก เปิดฝากระโปรงท้าย นั่งกันแบบชิลๆ
ตอนเก็บเข้าไป จะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นในที่เก็บสัมภาระครับ เก็บง่าย และกางออกมาง่าย เพราะมันจะพับเข้าที่ของมันได้เองอยู่แล้ว ใช้งานสะดวกดีมากๆ
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ MINI ได้ฟีเจอร์ฝากระโปรงท้ายแบบไฟฟ้า ที่สามารถสั่งเปิดได้จากปุ่มภายในรถ, จากรีโมทรถ และ จากการกดปุ่มที่ฝากระโปรงท้าย และสามารถสั่งปิดได้แบบไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
เบาะปรับไฟฟ้า สำหรับเบาะที่นั่งคู่หน้า ก็มาอยู่ใน MINI Countryman ด้วยครับ พร้อม memory profile ถือเป็นมินิรุ่นที่สองที่มีฟีเจอร์เบาะไฟฟ้า ถัดมาจาก MINI Clubman ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว
Engine Room
ห้องเครื่องยนต์ของ MINI Countryman โฉมใหม่ ดูใหญ่ขึ้นกว่ารุ่น Hatch รวมถึงใหญ่ขึ้นกว่า MINI Countryman โฉมเดิมเยอะ แต่การวางเลย์เอ้าท์ของเครื่องยนต์ ก็ยังคงใกล้เคียงกับ MINI Hatch โฉมปัจจุบันและ MINI Clubman อยู่มาก เพราะมีการใข้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันนั่นเอง
Interior
ภายในห้องโดยสารกันบ้างครับ คอนโซลมีการปรับปรุงใหม่ ให้เข้ากับขนาดของตัวรถที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะหน้าจอกึ่งกลางรถ และพื้นที่โดยรอบซ้ายขวา ที่มีการวางเส้นสายใหม่ แตกต่างจากรุ่น Hatch และ Clubman อยู่มากพอสมควร และดูล้ำยุคขึ้นเยอะ
นี่แหละครับ หน้าจอกึ่งกลางรถ ที่มีพื้นที่ด้านข้างเยอะขึ้น และมีการออกแบบช่องแอร์ใหม่ กลายเป็นทรงสี่เหลี่ยมเป็นครั้งแรก (มินิใช้ช่องแอร์รูปทรงวงกลมมาโดยตลอด) ดูแปลกตาไปอีกแบบ
ปุ่มปรับแอร์, ฟังก์ชั่นต่างๆ และปุ่มสตาร์ท ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ MINI Hatch และ MINI Clubman โฉมปัจจุบันครับ แต่จะสังเกตได้ว่ามีพื้นที่เยอะกว่ามาก ทำให้บริเวณคอนโซลนี้ดูไม่แออัดจนเกินไป สวยงามลงตัว
ในรุ่น Cooper S E Countryman ที่เป็น Plug-in Hybrid นั้น ปุ่มสตาร์ทจะเป็นสีเหลืองแทน และจะมาพร้อมกับสวิตช์ eDRIVE สำหรับปรับโหมดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เลือกปรับได้ทั้ง Auto eDRIVE และ MAX eDRIVE ตามความต้องการในขณะนั้นๆ ซึ่งเดี๋ยวเราคงจะได้มารีวิวกันอย่างละเอียดอีกครั้งตอนที่ได้ทดลองขับเจ้า Cooper S E Countryman คันจริงกันนะครับ
MINI Connected
ของใหม่อีกอย่างใน Countryman โฉมใหม่นี้คือ อินเทอร์เฟซบนหน้าจอ MINI Connected แบบใหม่ครับ ดูน่ารักสวยงามมากขึ้นเยอะ และมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เสียดายที่ยังเป็นรถยนต์สำหรับจอดโชว์ในงาน ที่เราไปเล่นกับฟีเจอร์ต่างๆ ได้ไม่เต็มที่ ตรงนี้ผมขอติดไว้ก่อน และจะนำมารีวิวให้ชมกันอีกครั้งอย่างละเอียดนะครับ
อีกส่วนหนึ่งที่ถูกปรับมาใช้ใน MINI Countryman นี้เช่นกัน ก็คือเบรกมือไฟฟ้าครับ หลังจากที่ MINI ได้เลือกใช้เบรกมือไฟฟ้ากับ MINI Clubman ไปแล้ว ครั้งนี้ก็เลยเอามาใช้กับ Countryman โฉมใหม่ด้วย โดยจะเป็นเบรกมือไฟฟ้าแบบนี้ทุกรุ่น ประหยัดพื้นที่ใช้สอย และดูเป็นระเบียบมากขึ้นกว่าเดิม
ที่นั่งด้านหลัง เป็นสามที่นั่งแบบ 2+1 ไม่มีช่องกั้นที่พื้น ให้พื้นที่วางขาได้อย่างเต็มที่ และสังเกตได้ว่า มีความกว้างกว่ารุ่นเดิมเยอะ นั่งสบายขึ้นเยอะเลยครับ
ขึ้นไปนั่งแล้ว ก็เหลือที่แบบสบายๆ ไม่อึดอัดแม้จะเลื่อนเบาะด้านหน้าถอยลงมาจนสุดแล้วก็ตาม
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลังก็มาครับ หลังจากที่เรียกร้องกันมานานจาก MINI Countryman รุ่นก่อนหน้า ที่มีปัญหาแอร์ไม่ถึงผู้โดยสารแถวหลัง มารุ่นนี้ขนาดใหญ่ขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องมีช่องแอร์ของผู้โดยสารแถวหลังให้มาด้วย พร้อมช่องจุดบุหรี่ สำหรับเสียบชาร์จไฟได้อีกหนึ่งช่อง
ก็เป็นการพรีวิวแบบคร่าวๆ กันก่อนนะครับสำหรับ MINI Countryman โฉมใหม่ จากงาน World Premiere ที่ลอสแองเจลิสครับ รถรุ่นนี้มีการประกาศว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และจะตามด้วยตลาดยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป ผมคาดว่า MINI Countryman โฉมใหม่นี้ จะเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมปีหน้า โดยน่าจะเริ่มเปิดให้จอง และน่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเริ่มส่งมอบได้ (อาจเป็นช่วงกลางปี) โดยในระยะเริ่มแรก จะเป็นรุ่นนำเข้าทั้งคันก่อน ราคาเปิดตัวน่าจะสูงกว่ารุ่นปัจจุบันที่ประกอบในประเทศมากพอสมควร ส่วน Countryman โฉมนี้ จะนำเข้ามาประกอบในประเทศเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางด้านภาษีหรือไม่ หรือจะเริ่มประกอบในไทยช่วงเดือนไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ ผมจะเอามารายงานเป็นระยะๆ กันต่อไปครับ