เปิดตัว MINI Clubman รุ่นปรับโฉมใหม่ (F54 LCI) อย่างเป็นทางการ

MINI เปิดตัว MINI Clubman รุ่นปรับโฉมใหม่ หรือ LCI อย่างเป็นทางการ เดินตามรอยการปรับโฉมใหม่ของมินิในไลน์อัพปัจจุบัน ด้วยไฟหน้าแบบวงแหวนเต็มวง และไฟท้ายลวดลาย Union Jack ที่แสดงเอกลักษณ์ของรถสัญชาติอังกฤษได้อย่างลงตัว

MINI Clubman รุ่นปรับโฉมใหม่ (F54 LCI) มีไฮไลต์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญตามนี้ครับ

  • ดีไซน์ด้านหน้าตัวรถใหม่ ด้วยกระจังหน้าลายใหม่
  • ไฟหน้า LED แบบวงแหวนเต็มวง พร้อมตัวเลือกของไฟหน้าแบบ Matrix
  • ไฟตัดหมอก LED แบบวงแหวน
  • ไฟท้าย LED เป็นออปชั่นมาตรฐาน และมีตัวเลือกของไฟท้ายลาย Union Jack ใหม่
  • สีตัวถังใหม่ และตัวเลือกของการตัดขอบภายนอกด้วยสีดำ Piano Black
  • ล้ออัลลอยลายใหม่
  • ช่วงล่างแบบสปอร์ต ที่ปรับให้เตี้ยลงกว่าเดิม 10 มิลลิเมตร
  • ภายในมีตัวเลือกอุปกรณ์ตกแต่งมากขึ้น และเบาะหนังแบบใหม่

ด้านหน้าตัวรถ ใช้ดีไซน์กระจังหน้าแบบหกเหลี่ยม พร้อมเส้นโครเมียมแนวนอนตัดผ่านตรงกลาง ที่มีตัวเลือกของการตัดขอบด้วยสีดำ Piano Black และลวดลายใหม่ภายในกระจังหน้า ออกแบบมาให้เพิ่มพื้นที่ของทางเข้าอากาศได้มากกว่าเดิม

ไฟหน้าแบบ LED พร้อมวงแหวนของไฟ Daytime Running Light แบบเต็มวง ที่ทำหน้าที่สลับเป็นไฟเลี้ยวแบบวงแหวนได้ด้วย เช่นเดียวกับ MINI Hatch และ MINI Convertible ที่ปรับโฉมไปก่อนหน้านี้ และมีตัวเลือกของไฟหน้าแบบ adaptive พร้อมฟังก์ชั่น Matrix มาให้เลือก สามารถเปิดไฟสูงแบบอัตโนมัติ และมีการแบ่งพื้นที่การส่องไฟเป็น 4 ส่วน ระบบจะเลือกตัดบางพื้นที่เมื่อตรวจจับได้มีรถขับสวนทางมา เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับรถ MINI และเพื่อนร่วมทาง

ไฟตัดหมอก LED ดีไซน์ใหม่ ถูกออกแบบมาเป็นวงแหวนเล็กๆ ทำงานเมื่อเปิดไฟตัดหมอก และยังสามารถทำงานพร้อมกับไฟ Daytime Running Light ได้ด้วย

ไฟท้ายแบบ LED ลายใหม่ ที่เป็นลายธงชาติอังกฤษ หรือ Union Jack ถูกออกแบบให้เข้ากับไฟท้ายทรงแนวนอนของ MINI Clubman โดยมีการจัดวางเส้นสายของไฟเบรก ไฟท้าย ไฟถอย เข้าไปอยู่ในเส้นของ Union Jack ได้อย่างลงตัวอย่างยิ่ง

MINI Clubman รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมกับตัวเลือกของสีตัวถังใหม่ถึง 3 สีด้วยกัน คือ สีแดง Indian Summer Red, สีเขียว British Racing Green และสีดำ MINI Yours Enigmatic Black ซึ่งสามารถเลือกสีหลังคา กับสีกระจกมองข้างเป็นสีดำ สีขาว หรือสีเงิน เพื่อมาตัดกับสีตัวถังให้โดดเด่นมากขึ้นได้

ล้ออัลลอยลายใหม่ของ MINI Clubman รุ่นปรับโฉม LCI มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นตามแต่รุ่นเครื่องยนต์ โดยมีลายใหม่คือ ลาย Multiray Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว, ลาย MINI Yours British Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว และ ลาย John Cooper Works Circuit Spoke 2-tone ขนาด 19 นิ้ว

กระจกมองข้าง ถูกปรับปรุงรูปทรงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีเหลี่ยมมุมที่โฉบเฉี่ยวขึ้นกว่ารุ่นเดิม รวมถึงปรับมุมมองให้สามารถมองเห็นได้กว้างกว่ารุ่นเดิม

มีการขยายความยืดหยุ่นในการปรับแต่งด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ MINI Yours ที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม ทั้งภายนอกและภายในตัวรถ เช่น เบาะหนัง MINI Yours Leather Lounge Carbon Black หรือลวดลาย Union Jack ในตำแหน่งต่างๆ ภายในรถ หรือแผงไฟเรืองแสง ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีไฟได้จากสวิตช์เปลี่ยนสี Ambient Light เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในรถในยามค่ำคืนตามสีสันที่เราต้องการได้

ส่วนเครื่องยนต์ ยังคงมีให้เลือกหลากหลายทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล มีรุ่นความแรงที่แตกต่างกันตั้งแต่ MINI One, One D, Cooper, Cooper D, Cooper S, Cooper SD จนไปถึง John Cooper Works เช่นเดิม และมีออปชั่นของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ALL4 ให้เลือก ตามแต่การทำตลาดของแต่ละประเทศจะเลือกแต่ละรุ่นเครื่องยนต์เข้าไปจำหน่าย ชุดเกียร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นเครื่องยนต์ ซึ่งบางรุ่นจะได้รับเกียร์อัตโนมัติ DCT คลัตช์คู่ 7 สปีด และบางรุ่นจะมีตัวเลือกของเกียร์อัตโนมัติแบบสปอร์ต ทั้ง 7 สปีด และ 8 สปีด ตามแต่รุ่นเครื่องยนต์และออปชั่นที่เลือก

MINI One Clubman*: 75 kW/102 hp, 0 – 100 km/h in 11.3 seconds (11.6 seconds), maximum speed 185 km/h (185 km/h), fuel consumption combined: 5.6 – 5.5 litres/100 km (5.5 – 5.5 litres/100 km), CO2 emissions combined: 128 – 125 g/km (125 – 124 g/km).
MINI Cooper Clubman*: 100 kW/136 hp, 0 – 100 km/h in 9.2 seconds (9.2 seconds), top speed: 205 km/h (205 km/h), fuel consumption combined: 5.7 – 5.6 litres/100 km (5.4 – 5.3 litres/100 km), CO2 emissions combined: 129 – 127 g/km (122 – 120 g/km).
MINI Cooper S Clubman*: 141 kW/192 hp, 0 – 100 km/h in 7.3 seconds (7.2 seconds), top speed: 228 km/h (228 km/h), fuel consumption combined: 6.5 – 6.4 litres/100 km (5.6 – 5.5 litres/100 km), CO2 emissions combined: 147 – 145 g/km (127 – 125 g/km).
MINI Cooper S Clubman ALL4*: 141 kW/192 hp, 0 – 100 km/h in 6.9 seconds, top speed: 225 km/h, fuel consumption combined: 6.2 –6.1 litres/100 km, CO2 emissions combined: 141 – 139 g/km.

MINI One D Clubman*: 85 kW/116 hp, 0 – 100 km/h in 10.8 seconds (10.8 seconds), top speed: 192 km/h (192 km/h), fuel consumption combined: 4.2 – 4.1 litres/100 km (4.1 – 4.0 litres/100 km), CO2 emissions combined: 110 – 107 g/km (107 – 105 g/km).
MINI Cooper D Clubman*: 110 kW/150 hp, 0 – 100 km/h in 8.9 seconds (8.6 seconds), top speed: 212 km/h (212 km/h), fuel consumption combined: 4.4 – 4.3 litres/100 km (4.3 – 4.2 litres/100 km), CO2 emissions combined: 114 – 113 g/km (113 – 111 g/km).
MINI Cooper SD Clubman*: 140 kW/190 hp, 0 – 100 km/h in 7.6 seconds, top speed: 225 km/h, fuel consumption combined: 4.4 – 4.3 litres/100 km, CO2 emissions combined: 114 – 113 g/km.
MINI Cooper SD Clubman ALL4*: 140 kW/190 hp, 0 – 100 km/h in 7.4 seconds, top speed: 222 km/h, fuel consumption combined: 4.7 – 4.6 litres/100 km, CO2 emissions combined: 122 – 121 g/km.

สำหรับตลาดประเทศไทย คาดว่า มินิ ประเทศไทย จะนำ MINI Clubman รุ่นปรับโฉมใหม่ LCI เข้ามาทำตลาดภายในปี 2019 นี้ ส่วนจะเป็นตัวเลือกเครื่องยนต์ใดบ้าง ออปชั่นใดบ้าง และเปิดราคาเท่าไหร่ ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะครับ

Comments: